DSIเผย "องอาจ" อาจไปต่างประเทศแล้ว จ่อขอหมายค้นอีกหลังปีใหม่
ดีเอสไอเผยการข่าวระบุ โฆษกศิษย์ธรรมกาย อาจหนีไปต่างประเทศ แต่ไม่ได้เดินทางออกตามช่องทางปกติ คาดขอหมายค้นอีกหลังปีใหม่
ดีเอสไอเผยการข่าวระบุ โฆษกศิษย์ธรรมกาย อาจหนีไปต่างประเทศ แต่ไม่ได้เดินทางออกตามช่องทางปกติ คาดขอหมายค้นอีกหลังปีใหม่
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายว่า ในส่วนของนายองอาจ ธรรมนิทาโฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ซึ่งถูกตำรวจออกหมายจับในความผิดฐานยุยง ปลุกปั่น กรณีแถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายว่า จากข้อมูลการข่าวระบุว่านายองอาจหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งในวัดพระธรรมกายก็ไม่มีผู้ใดพบตัว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบไปยังประเทศปลายทาง ๆ เพราะอาจไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศโดยช่องทางปกติ
"สำหรับการประเมินสถานการณ์เพื่อขอหมายค้นรอบที่ 3 ดีเอสไอ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้หลังช่วงปีใหม่ไปแล้ว ซึ่งดีเอสไอจะทยอยใช้มาตรการกดดันดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรวมและเร่งสอบสวนสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพระที่มีอำนาจบริหารจัดการภายในวัด และการนำเงินบริจาคจากสหกรณ์ไปเล่นหุ้นซึ่งพบเป็นวงเงินหลายร้อยล้านบาท"แหล่งข่าวจากดีเอสไอระบุ
ขณะที่ในวันนี้ (วันที่ 20 ธ.ค.) ตัวแทนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนถึงการปฏิบัติหน้าที่ของพศ. ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาส ส่วนการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรักษาการภายในวัดพระธรรมกาย พศ.ขอกลับไปรวบรวมข้อมูลและจะส่งข้อมูลกลับมาให้ดีเอสไอในวันที่ 10 ม.ค. 2560 ส่วนฝ่ายปกครองทางสงฆ์ เช่น เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าคณะตำบล อ้างว่าติดภารกิจทางสงฆ์ ขอเลื่อนเข้าให้การหลังปีใหม่
สำหรับพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ได้นำหมายเรียกไปส่งที่วัดแต่ไม่มีผู้รับหมาย เจ้าหน้าที่จึงติดหมายระบุให้เข้าพบพนักงานสอบสวนไว้ที่หน้าวัด และแจ้งความไว้ที่สภ.คลองหลวง
สำหรับกรณีที่ผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ถอนฟ้องอุทธรณ์ในคดียักยอกทรัพย์ 22 ล้านบาท โดยอ้างว่าได้รับการชดเชยค่าเสียหายแล้วนั้น ดีเอสไอได้รับการประสานสมาชิกสหกรณ์ที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดียักยอก ฉ้อโกงสหกรณ์ฯถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารสหกรณ์ฯชุดปัจจุบัน ซึ่งไปทำสัญญาประนีประนอมและถอนฟ้องคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ 22 ล้านบาท ซึ่งศาลตัดสินจำคุกนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯไปแล้วเป็นเวลา 16 ปี
ทั้งนี้ การยอมความดังกล่าวผู้เสียหายมีความสงสัยว่าผู้บริหารสหกรณ์ฯใช้อำนาจใดในการยอมความ ซึ่งทำให้ผู้เสียหายเสียสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหาย ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรวมตัวเพื่อยื่นคำร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารสหกรณ์ฯชุดปัจจุบัน