มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ สร้างโรงเรียนจากฝัน
คนจำนวนมากได้แต่ฝันอยากมี อยากเป็น แต่ทั้งชีวิตก็ไม่ได้ลงมือทำ ปล่อยความฝันผ่านเลยไป ทว่า
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
คนจำนวนมากได้แต่ฝันอยากมี อยากเป็น แต่ทั้งชีวิตก็ไม่ได้ลงมือทำ ปล่อยความฝันผ่านเลยไป ทว่าสำหรับ มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ ฟู๊ด เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารที่คนจำนวนมากรู้จักกันดี คือ “เย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์” ไม่เคยทิ้งความฝันของตัวเองและตั้งใจทำมันจนเกิดขึ้นจริง
มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ ฟู๊ด และผู้ก่อตั้งบริษัท เอ็นเอ็มซี เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ นพดล ธรรมวัฒนะ (พี่ชาย) ลงทุน 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 30 ไร่ จ.ปทุมธานี เปิดโรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสกูล (ทีไอเอส) ซึ่งจะเป็นโรงเรียนนานาชาติที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลไปจนถึงเกรด 12 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 6 หากเปิดสมบูรณ์แบบแล้ว โดยระยะแรกจะเปิดสอนระดับเตรียมอนุบาล-ประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อน คาดว่าเปิดภาคการศึกษาแรกวันที่ 10 ส.ค. 2560 และเปิดครบทุกระดับได้ปี 2565
จุดเริ่มต้นของการสร้างโรงเรียนแห่งนี้ เกิดจากมัลลิการ์เรียนจบด้านการเป็นครูสอนเด็กระดับเตรียมอนุบาลเมื่อ 35 ปีก่อน ช่วงเวลานั้นก็ใฝ่ฝันอยากจะทำโรงเรียนของตัวเองแต่ยังไม่มีโอกาสทำ เพราะคิดว่าจะต้องหาประสบการณ์ก่อน อย่างไรก็ตามช่วงนั้นในประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียนไหนที่รับสอนตั้งแต่เด็กเล็กก่อนเข้าอนุบาล ดังนั้นเมื่อไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเข้าทำงาน
ในที่สุดความฝันก็เริ่มต้นไปสู่ความจริงได้ เมื่อได้เข้าไปทำงานที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งก็ใช้เวลาเป็นครูที่นั่น 26 ปี โดย 23 ปีก่อนมีโอกาสได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการหลักสูตรนานาชาติของสาธิตเกษตร และมีประสบการณ์บริหารโครงการ 17 ปี หลังออกจากการเป็นอาจารย์มาได้ 7-8 ปีแล้ว จึงอยากเริ่มต้นทำโรงเรียนเองตามที่ฝัน
ประจวบเหมาะกับเมื่อปีที่ผ่านมา รศ.ดร.จงรักษ์ ไกรนาม ประธานบริหารโครงการการศึกษานานาชาติ สาธิตเกษตร ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการนี้มาด้วยกันหมดวาระและเกษียณพอดี โดยอาจารย์มีประสบการณ์ในการทำโครงการศึกษานานาชาติมา 11 ปี จึงไปเชิญอาจารย์รวมถึงคณะผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ ของโครงการให้มาสร้างโรงเรียนด้วยกัน
“เรามีที่ดินริมแม่น้ำอยู่ 30 ไร่ อยู่ที่ จ.ปทุมธานี ก็เลยไปเชิญคณะอาจารย์ที่เคยก่อตั้งโครงการการศึกษานานาชาติ สาธิตเกษตร และไปชวน นพดล ธรรมวัฒนะ มาร่วมสนับสนุน เพราะทางคุณนพดลก็เรียนมาด้านการบริหารการศึกษา โดยมีเป้าหมายว่าอยากเห็นโรงเรียนไทยดีๆ ที่สามารถทำให้เด็กไทยพูดและคิดได้แบบต่างชาติ แต่ไม่ต้องเอาวัฒนธรรมของเขามาทั้งหมด เน้นเรื่องของวัฒนธรรมไทย”
มัลลิการ์ กล่าวว่า ใน จ.ปทุมธานี ไม่มีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่ หากจะมีโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ในย่านนี้ ใกล้ที่สุดก็อยู่ดอนเมือง ดังนั้นการมาเปิดโรงเรียนที่นี่จึงทำให้กลายเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกใน จ.ปทุมธานี และจะเป็นโรงเรียนแห่งที่ 2 ที่อยู่ริมแม่น้ำ
การเปิดโรงเรียนครั้งนี้เกิดขึ้นจากการสำรวจความต้องการมาแล้ว โดยย่าน จ.ปทุมธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา มีโรงงานอยู่มาก ส่วนย่านราชพฤกษ์ บางใหญ่ รวมถึงย่านเกษตร-นวมินทร์ ก็มีหมู่บ้านอยู่จำนวนมาก ซึ่งทำเลที่มีอยู่ติดกับทางด่วน จึงเหมาะเจาะที่จะรองรับกลุ่มคนเหล่านี้ส่งบุตรหลานมาเรียน
ทั้งนี้ มัลลิการ์ มองว่า โรงเรียนนานาชาติมีความจำเป็นมากสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะหลังการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ความจำเป็นในการใช้ภาษาต่างประเทศสื่อสารมากขึ้น แต่โรงเรียนนานาชาติที่เปิดเต็มรูปแบบในไทย คือ มีการเรียนการสอนครอบคลุมทุกระดับกลับมีอยู่ไม่เกิน 10 แห่งเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโรงเรียนนานาชาติที่เปิดสอนแต่ระดับอนุบาลอย่างเดียว หรือไม่ก็ประถมการศึกษา หรือมัธยมศึกษาอย่างเดียว
“การที่โรงเรียนมีไม่ครอบคลุมทุกระดับ ก็ทำให้พ่อแม่เกิดความกังวลเรื่องการหาโรงเรียนให้ลูกได้เรียนต่อในระดับต่อไปหลังจบการศึกษาในระดับเดิมแล้ว การที่สร้างโรงเรียนนานาชาติแห่งนี้ขึ้นมาให้ครอบคลุมทุกระดับ ก็เพราะไม่ต้องการให้ผู้ปกครองเหนื่อยกับการหาโรงเรียนให้ลูกบ่อยๆ”
มัลลิการ์ ระบุว่า การตั้งราคาค่าเรียนของโรงเรียนนี้จะอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถูก แต่ไม่แพงเกินไป หากเป็นช่วงเตรียมอนุบาลจนถึงอนุบาล ค่าใช้จ่ายน่าจะราว 3 แสนบาท/ปี ประถมศึกษา อยู่ที่ 4-4.5 แสนบาท/ปี มัธยมศึกษาตอนต้น 5 แสนบาท/ปี และมัธยมศึกษาตอนปลาย 6 แสนบาท/ปี เมื่อเปิดเต็มรูปแบบตั้งแต่เตรียมอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 คาดว่ารองรับนักเรียนได้ 860 คน อาจารย์ที่มาสอนในโรงเรียนหลักๆ จะเป็นอาจารย์ชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของภาษาและมีอาจารย์คนไทยที่สอนภาษาไทยให้
“ปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ในไทยล้วนใช้แบรนด์จากต่างประเทศ จึงไม่สามารถรักษาเรื่องความเป็นไทยไว้ได้ เด็กไทยที่ไปเรียนกลายเป็นฝรั่งไปหมด เราเห็นความสำคัญของการรักษาความเป็นไทย จึงทำโรงเรียนนี้ คือ สอนให้เด็กมีสำนึกความเป็นไทย สามารถบอกเล่าความเป็นมาของชาติไทยได้อย่างถูกต้อง เป็นโรงเรียนนานาชาติแบบฉบับของไทย”
นอกเหนือจากความฝันเปิดโรงเรียนนานาชาติที่มองเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เพราะโรงเรียนเริ่มก่อสร้างไปแล้ว และพร้อมเริ่มรับสมัครนักเรียนรุ่นแรก ฝันต่อไปที่มัลลิการ์มองไว้ คือ อยากมีโรงเรียนสอนทำอาหารสักแห่ง เน้นให้เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารที่มีอาจารย์ผู้สอนที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญที่สุด เรียนไปแล้วใช้ได้จริง
เชื่อว่าหลังสร้างโรงเรียนนานาชาติ ก้าวต่อไปในการสร้างโรงเรียนสอนทำอาหาร คงจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างเร็วๆ นี้ เพราะมัลลิการ์ คือ หนึ่งในคนที่ฝันแล้วลงมือทำให้เป็นจริง