"อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา" แม่ทัพใหม่ 'คิงเพาเวอร์'
ในยุคของ"อัยยวัฒน์" เขาตั้งเป้าหมายว่า คิง เพาเวอร์ จะต้องมีเทคโนโลยีก้าวล้ำ มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีทุกอย่างครบในสิ่งที่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวต้องการ
โดย...ชลลดา อิงศรีสว่าง
อาณาจักร “คิง เพาเวอร์” ธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่คิงออฟคอนเนกชั่น วิชัย ศรีวัฒนประภา ได้สร้างขึ้นมาด้วยสมองและสองมือ เดินทางมาถึงยุคของการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บุตรชายคนเล็กของตระกูล ถูกเลือกให้ขึ้นมารับไม้ต่อธุรกิจครอบครัว โดยมีผู้เป็นพ่อคอยประคับประคองอยู่เบื้องหลัง
อัยยวัฒน์รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ คิง เพาเวอร์ มาปีกว่าแล้ว แต่คนทั่วไปรู้จักเขาในฐานะรองประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ จากผลงานที่เซอร์ไพรส์โลกด้วยการพาทีม เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
“ผมบังเอิญเป็นลูกชายคนเดียวที่อยู่กับพ่อมากที่สุด พี่ๆ ของผมทั้งหมดไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม แต่ผมเรียนอยู่ที่นี่ ผมก็เลยได้ทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อทุกอย่าง ไปไหนไปด้วยกัน พี่สาวคนโตของผมเก่งทางด้านมาร์เก็ตติ้ง แฟชั่น และเทรนด์ มีครีเอทีฟสูง ส่วนลูกๆ คนอื่นก็จะมีความถนัดกันคนละด้าน ผมอาจถนัดด้านบริหาร ทุกคนจึงให้มาบริหาร แต่ผมก็จะคุย ปรึกษาแลกเปลี่ยนกับพี่ๆ อยู่ตลอด” อัยยวัฒน์ กล่าว
อัยยวัฒน์ บอกว่า ปีแรกที่เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอผลงานก็พลาดเป้า เพราะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย ยอดขายต่ำกว่าเป้าหมายไป 12% เป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทำให้ต้องปรับธุรกิจใหม่ จัดโปรโมชั่นลดราคา ตัดสต๊อกสินค้าออก 7-8 หมื่นชิ้น แต่ในปีที่สองเริ่มต้นปีนี้ก็ดีขึ้น
“ร้านค้าปลอดภาษีเป็นธุรกิจสัมปทาน มูลค่าอยู่ตรงนั้น เมื่อหมดสัมปทานก็หมดกัน ในอนาคตเราจะมีคู่แข่งมากขึ้น พี่สาวผมคิดว่าแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ จึงเสนอแนวคิดให้รีแบรนด์ทำคิง เพาเวอร์ เป็นคอมเพล็กซ์ ให้บริการแบบวันสต็อปเซอร์วิส มีโรงแรมพูลแมน และมีอื่นๆ ด้วย ซึ่งเราจะสร้างแบรนด์ คิง เพาเวอร์ เป็น Travel Retail หากใครจะเดินทางต่างประเทศจะต้องนึกถึงเรา จะซื้อของฝากเมื่อเดินทางก็ให้นึกถึงเรา” เขากล่าว
อัยยวัฒน์ ยืนยันว่า คิง เพาเวอร์ ไม่ได้วางตัวเองว่าจะไปแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าในประเทศ เพราะเป็นคนละกลุ่มลูกค้า จะเน้นนักท่องเที่ยวและกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศ แต่จะเน้นมีครบทุกสิ่ง รับกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวที่เริ่มจะเป็นคนเดินทางท่องเที่ยวเอง (FIT) โดยไม่อาศัยกรุ๊ปทัวร์ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการปรับปรุงคอมเพล็กซ์สาขาใหญ่ที่ซอยรางน้ำ
“เราจะลงทุน 2,500 ล้านบาท ปรับปรุงพื้นที่ 1.8 หมื่นตารางเมตร จะมีการจัดมุมที่แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสของดีประเทศไทย มีร้านอาหารที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าให้มากินมาเที่ยวให้เป็นจุดนัดพบ จะเริ่มปิดปรับปรุงในเร็วๆ นี้ ส่วนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ก็จะเริ่มปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น และจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและเพิ่มยอดขาย” เขากล่าว
นอกจากนี้ ดีลการซื้อหุ้นในบริษัท ไทยแอร์เอเชีย สายการบินโลว์คอสต์ ที่ซื้อในนามครอบครัวศรีวัฒนประภา ก็เพื่อให้เกิดการ Synergy ระหว่างธุรกิจและครบจริงๆ ในทุกอย่าง
ในยุคของอัยยวัฒน์ เขาตั้งเป้าหมายว่า คิง เพาเวอร์ จะต้องมีเทคโนโลยีก้าวล้ำ มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีทุกอย่างครบในสิ่งที่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวต้องการ ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะสินค้าโอท็อปและเอสเอ็มอี
“ในโลกนี้มีร้านค้าปลอดภาษีชั้นนำอยู่ประมาณ 20 ราย ขณะนี้ คิง เพาเวอร์ อยู่ในอันดับ 7 ของโลก ซึ่งผมตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี อยากให้ติด 1 ใน 5 ให้ได้ และในอนาคตจะเลื่อนขึ้นไปเป็นที่ 3 นั่นคือเป้าหมาย แม้ว่าจะไม่ง่ายแต่ก็จะต้องไปให้ถึง” อัยยวัฒน์ กล่าว
เหมือนว่าการเข้ามารับไม้ต่อของธุรกิจครอบครัวจะไม่ยาก เพราะยังมีครอบครัวเป็นพี่เลี้ยง แต่อัยยวัฒน์บอกว่า ไม่รู้สึกกดดันเพราะทำดีก็เสมอตัว เวลามีปัญหาคุณพ่อจะว่าผมก่อน บอกว่าพนักงานทำผิดก็ต้องดุ ลูกทำผิดก็ต้องคูณสองคูณสาม แต่เชื่อใจพนักงานที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณหมื่นกว่าคน แต่ละคนเดินกับคุณพ่อมานาน เป็นการถ่ายเลือด ซึ่งเป็นปกติของการเปลี่ยนแปลงที่คนในเจเนอเรชั่นเอ็กซ์กับคนในเจเนอเรชั่นวายจะปะทะกัน แต่เป็นการปะทะที่ต่างก็อยากให้ทุกอย่างดี
“ผมเจอการปะทะดุเดือดมาแล้วที่เลสเตอร์มีการถกเถียง พูดคุยเปิดรับไอเดียกัน แต่สุดท้ายจะต้องมีข้อสรุป ซึ่งในองค์กรขณะนี้มีเจนเอ็กซ์อยู่ประมาณ 60% ซึ่งอยากให้มีเจนวายมากกว่านี้” เขากล่าว
อัยยวัฒน์ กล่าวถึงวิชัย ผู้เป็นบิดา ว่า “คุณพ่อเป็นคนเก่งมาก เป็นคนที่มีระเบียบวินัยและตรงต่อเวลา อะไรถูกหรือผิดก็ต้องชัดเจน พ่อไม่ได้อยากให้ลูกทำธุรกิจ เพราะมันเหนื่อย บอกมาตั้งแต่เด็กว่าอยากให้ลูกรับราชการ แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ลูก ซึ่งผมชอบทำงาน ทำมาตั้งแต่เด็ก ท้าทายและสนุกมาก”
เขามีปรัชญาในการทำงานที่ยึดถือมาตลอดคือ จะต้องกตัญญู ใครมีบุญคุณต้องทดแทน ตรงต่อเวลา การเรียนรู้ไม่มีวันหยุด
“ผมเป็นคนโชคดีที่ปิดสวิตช์ตัวเองได้ ทำให้ไม่ค่อยเครียด เวลาเครียดงานทางนี้ผมก็เปลี่ยนไปคุยงานเรื่องฟุตบอลกับทางเลสเตอร์ มีเวลาก็พักผ่อนเดินทาง แอบไปใช้บริการไทยแอร์เอเชียหลายครั้ง เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงบ้าง ก็จะเสนอแนะไป” เขากล่าว
แม้ คิง เพาเวอร์ จะเป็นร้านค้าปลอดภาษีรายเดียวในประเทศไทย แต่ในอนาคตอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป อัยยวัฒน์เห็นว่าก็ต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ใครจะว่า คิง เพาเวอร์ ผูกขาดดิวตี้ฟรีคงไม่แฟร์ เพราะเมื่อรัฐบาลเปิดประมูลทุกคนก็เข้าประมูลตามทีโออาร์ ทุกคนมีสิทธิยื่นประมูล ทุกคนล้วนมีคอนเนกชั่น การค้าเสรีทุกคนมีสิทธิขึ้นเวทีชก หากชกแพ้ก็ต้องยอมรับ คิง เพาเวอร์ ก็แพ้ประมูลที่สนามบินดอนเมืองในส่วนพื้นที่ร้านค้ามาเหมือนกัน