สังคมไร้เงินสด ก็ต้องใช้เงินสด
ปัญหาคนไทยไม่ใช้เหรียญสตางค์ที่เคยเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ กรมธนารักษ์ผลิตเหรียญกษาปณ์เท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
โดย...แบงก์กลิ้ง
ปัญหาคนไทยไม่ใช้เหรียญสตางค์ที่เคยเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ กรมธนารักษ์ผลิตเหรียญกษาปณ์เท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ เนื่องจากเหรียญหายไปจากตลาด ส่งผลให้ต้องผลิตเหรียญมากขึ้นๆ จนต้นทุนการผลิตเหรียญสูงจนเกินเหตุถึง 5.4 หมื่นล้านบาท กำลังจะเริ่มคลี่คลายลงนับจากนี้ไป
ที่ปัญหานี้จะเบาลง ไม่ใช่เพราะร้านค้าจะหันมายินดีรับเหรียญเพื่อชำระค่าสินค้ามากขึ้น หรือประชาชนชาวไทยจะแคะกระปุก พกเหรียญออกมาใช้ซื้อของ แต่ปัญหาจะคลี่คลายจากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร การพัฒนาระบบการชำระเงินสมบูรณ์แบบมากขึ้น และโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีสมรรถนะสูงมากจนสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้
จากนี้ไปประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่สังคมไร้เงินสดแล้ว ขณะนี้มีช่องทางชำระเงินได้มากมายกว่าการใช้เงินสด ในยุคแรกก็เริ่มจากการใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต แต่จากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่ยุคกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ คือผูกบัญชีเงินฝากกับหมายเลขโทรศัพท์และบัตรประชาชน โหลดแอพพลิเคชั่น หรือใส่ข้อมูลการเงินเข้าไปในโปรแกรมในโทรศัพท์มือถือ เมื่อมีการซื้อสินค้าจะชำระค่าสินค้าก็ทำได้โดยนำเอาโทรศัพท์มือถือไปแตะที่เครื่องอ่านข้อมูล ก็จะมีการประมวลผลและส่งไปตัดเงินจากบัญชี กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้เงินสดเลย
หากระบบการชำระเงินทำได้อย่างสมบูรณ์แบบและแพร่หลาย ในอนาคตการใช้ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ก็จะลดลงตามไปด้วย ตัดปัญหาร้านค้าไม่รับเหรียญและคนต้องพกเงินสดมากมายไปจับจ่ายซื้อของ
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น กลับมาที่ปัญหาการขาดแคลนเหรียญในระบบเศรษฐกิจกันก่อน ปัจจุบันคนไทยพบกับปัญหามีเหรียญแต่นำไปใช้จ่ายอะไรไม่ได้ นำเหรียญไปฝากธนาคารก็โดนเก็บค่านับเหรียญ จนต้องนำเงินไปหยอดกระปุกออมสินเก็บไว้ หรือนำไปหยอดตู้รับบริจาค นำไปทำบุญตามวัดต่างๆ
กรมธนารักษ์เองได้ประเมินว่า ประชาชนมีเหรียญกษาปณ์ที่เก็บไว้ที่บ้าน เพราะความไม่สะดวกในการนำมานับแลกเหรียญเปลี่ยนเป็นธนบัตร ส่งผลให้เหรียญกษาปณ์เหล่านี้ถูกเก็บไว้ที่บ้านมากกว่า 10% ของจำนวนเหรียญกษาปณ์ทั้งหมดที่ผลิตออกมา ส่วนนี้เป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้อยู่แล้ว ซึ่งทางกรมธนารักษ์เองก็ยังหาทางแก้ไขปัญหาไม่ได้
ไอเดียแก้ปัญหาที่กรมธนารักษ์คิดขึ้นมา ก็คิดจะเปิดให้เอกชนมารับจ้างบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ทั่วประเทศ โดยให้ตั้งเครื่องนับและรับแลกเหรียญตามห้างสรรพสินค้า และสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ จากนั้นจะออกสลิปเพื่อให้ผู้แลกนำไปขึ้นเงินต่อไป สำหรับเหรียญที่รับแลกแล้วจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหรียญชำรุดออกและทำความสะอาดเหรียญที่ยังสมบูรณ์เพื่อบรรจุถุงนำกลับไปใช้ในระบบต่อไป เรื่องนี้กรมธนารักษ์คงเอาจริง แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน และจะทำได้เมื่อไหร่
แต่ที่แน่ๆ การพัฒนาระบบการชำระเงิน การใช้ระบบพร้อมเพย์ การใช้อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งนั้น ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้แน่นอน แถมยังช่วยทำให้การอ้างว่าไม่มีสตางค์ทอน แอบขึ้นราคาสินค้าอย่างเนียนๆ การเอาเปรียบชาวบ้านก็จะลดลง
แม้ว่าหลายๆ ประเทศรวมถึงไทยจะมีการเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสังคมเงินสด ไปสู่การใช้ระบบบัตรเครดิตและเดบิต หรือการบริการการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment) ในการใช้จ่ายชำระค่าบริการในชีวิตประจำวัน แต่ระบบการเงินของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกในปัจจุบันก็ยังคงเป็นสังคมเงินสด แม้คนทั่วไปจะยอมรับตัวเลขในหน้าจอแทนเงินสดที่ถืออยู่ในมือ แต่เชื่อเถอะว่า เงินสดทั้งที่เป็นธนบัตร หรือเหรียญกษาปณ์ ก็จะมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทยอยู่ต่อไป