นร.เพชรถ่ายรูปหมู่บนอัฒจรรย์พังโครมเจ็บ80
เด็กนักเรียนกว่า 400 คนรร.เบญจมเทพอุทิศยืนบนอัฒจรรย์ถ่ายรูปหนังสือรุ่นพังโครมเจ็บกว่า80คน คาดรับนำหนักไม่ไหว
เด็กนักเรียนกว่า 400 คนรร.เบญจมเทพอุทิศยืนบนอัฒจรรย์ถ่ายรูปหนังสือรุ่นพังโครมเจ็บกว่า80คน คาดรับนำหนักไม่ไหว
เมื่อเวลา 10.00 น.15 ก.ย.53 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถาน จ.เพชรบุรีได้รับแจ้ง ทางโรศัพท์จากครูโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ ว่าขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่และรถกู้ภัยช่วยลำเรียงเด็กนักเรียนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ อัฒจรรย์ ที่ตั้งอยู่ในสนามกีฬาภายโรงเรียนพังถล่มลงมา นำส่งโรพยาบาลพระจอมเกล้า
จากการสอบสวนของ ร.ต.ท.สุรศักดิ์ นิลยาภรณ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.เมืองเพชรบุรี ทราบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 และปีที่ 6 ทั้งชายและหญิงที่ใกล้จะจบการศึกษา จำนวนกว่า 400 คนเศษ จาก 13 ห้อง กำลังเดินเรียงแถวขึ้นไปบนอัฒจรรย์สูงประมาณ 5 ชั้น ที่ถูกติดตั้งอยู่ภายในสนามกีฬาของโรงเรียน เพื่อจะทำการถ่ายรูปหมู่ เพื่อนำไปลงในหนังสืออนุสรณ์ของโรงเรียน หรือหนังสือรุ่น ของโรงเรียน แต่ในขณะที่เด็กเดินขึ้นไปได้ประมาณ 300 คนเศษ ก็ได้ยินเสียงดังเอียดต่อเนื่อง ก่อนที่จะพังโครมลงมากองกับพื้นทำให้มีเด็กจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ จึงได้รีบระดมกำลังเจ้าหน้าที่ละรถที่มีอยู่นำเด็กที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้ารวมกว่า
สำหรับอัฒจันทร์ดังกล่าว เป็นของบริษัทภาพยนตร์ วีดีโอ โปรดักชั่น จำกัด ที่ทางโรงเรียน ว่าจ้างมาเพื่อให้ทำการถ่ายรูปหมู่ของ นักเรียนชั้นม.3 และ ม.6 โดยทางโรงเรียนได้ให้ทำการตั้งอัฒจันทร์ไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา
ว่าที่ร้อยตรีอุทิศ รุ่งธีระ ผอ.โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากอุบัติเหตุเนื่องจากดินทรุดตัวลงมา และอัฒจันทร์ ดังกล่าวไม่ใช่ของโรงเรียนแต่เป็นของบริษัทที่ทางโรงเรียนว่าจ้างบริษัทดังกล่าวมาถ่ายภาพให้กับเด็กนักเรียนเพื่อทำหนังสืออนุสรณ์หรือหนังสือรุ่น
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่า เหล็กที่รองรับอัฒจรรย์ ของโรงเรียนดังกล่าวอาจรองรับน้ำหนักเด็กนักเรียนที่ขึ้นไปเป็นจำนวนมากไม่ไหว จึงเป็นเหตุให้อัฒจรรย์ ดังกล่าวที่สร้างด้วยโครงเหล็ก และใช้ไม้เป็นพื้นพังถล่มลงมา จนเด็กนักเรียนทั้งและชายที่นั่งอยู่แถวบนสุดทับนักเรียนหญิงที่อยู่แถวล่าง จนได้รับบาดเจ็บประมาณ 30 คน ต้อง๔กนำตัวส่งโรงพยาบาลดังกล่าว ในขณะที่ผู้ปกครองที่ทราบข่าวต่างพากันมาตามหาบุตรหลานที่โรงพยาบาลและโรงเรียนจำนวนมาก.