กับน้องสาวที่ตามมา
ขณะเรียนอยู่ปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมได้อาศัยอยู่กับคุณสุริยน อุกฤษชน หรือย้ง
โดย...ถาวร หลีกภัย
ขณะเรียนอยู่ปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมได้อาศัยอยู่กับคุณสุริยน อุกฤษชน หรือย้ง ในห้องเช่าที่ตรอกโรงน้ำแข็ง สาทรใต้ เพราะยังเห็นใจและเข้าใจชีวิตในยามยากของผม จึงได้ชวนผมมาอยู่ด้วยกัน ผมอาศัยอยู่ฟรี เวลานอนก็จะกางมุ้งนอนลงบนพื้นข้างเตียงนอนของย้ง และเราจะนอนคุยกันทุกคืนไปจนกว่าคนใดคนหนึ่งจะหลับไปก่อน บางวันย้งพาผมนั่งรถรางสายเจริญกรุงไปหาของกินที่เยาวราช บางวันก็ชวนผมไปกินข้าวต้มที่บ้านของพี่ชาย ซึ่งเปิดเป็นสำนักงาน “บริษัท แม่น้ำ” ตั้งอยู่ที่ถนนสาทรใต้นั่นเอง
ย้งดีกับผมมาก
ในปี 2506 เมื่อ จงจิตต์ หลีกภัย น้องสาวของผมเข้ามาเรียนต่อมัธยม 7 ที่กรุงเทพฯ ผมจึงต้องแยกห้องกับย้งไปหาห้องเช่าใหม่ เพื่อให้น้องอาศัยอยู่ได้ด้วย ห้องใหม่ก็อยู่ใกล้กับห้องเดิมของย้งนั่นแหละ เป็นห้องที่ไม่มีห้องน้ำต้องไปใช้ห้องน้ำรวมร่วมกับผู้เช่าห้องคนอื่น ซึ่งก็มีเพียงตุ่มสำหรับใส่น้ำเท่านั้นไม่มีอะไรอื่นอีก
ดังนั้นในการอาบน้ำแต่ละครั้งของจงจิตต์น้องสาวผม จึงต้องรองน้ำประปาใส่กระป๋องหิ้วจาก ชั้นล่างขึ้นไปใส่ตุ่มในห้องน้ำที่อยู่ชั้นบนทุกวันก็เพื่อให้น้องได้อาบน้ำในที่มิดชิด ในขณะที่ผมเองต้องนุ่งผ้าขาวม้าอาบเอาจากตุ่มน้ำที่ตั้งอยู่กลางลานบ้านชั้นล่าง พูดได้ว่าต้องอาบโชว์ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบลานกลางแจ้งภายในบ้านนั้นทุกวัน
ผมชินชาเสียแล้ว แต่กับจงจิตต์น้องสาวนี่สิ เข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรกนั่งร้องไห้คิดถึงบ้านทุกวัน
จงจิตต์ไม่เคยชินกับการอยู่ในที่แคบและอึดอัดอย่างนี้ ส่วนผมนั้นมาถึงตอนนี้ได้ผ่านชีวิตที่ต้องตกระกำลำบากมามากแล้ว ไม่มีปัญหาทั้งที่ตัวผมเองโดยปกติแล้วพี่น้องทุกคนจะรู้ดีว่าเป็นคนรักความสะอาด การที่ได้มาอยู่ห้องเช่าที่มีแต่น้ำประปาให้อาบทุกวันนั้น ถึงอย่างไรก็น่าจะดีกว่าการอาบน้ำในคลองที่ไหลผ่านหน้าวัดและอาจมีหมาเน่าลอยมาเป็นของแถมอย่างที่ได้เจอมาแล้ว ผมคงรำคาญใจเมื่อได้เห็นน้องสาวมานั่งร้องไห้คิดถึงบ้าน จึงได้พูดกับน้องออกไปอย่างแรงว่า “ถ้าไม่เรียนก็ให้ไปเลี้ยงควายที่บ้านเสีย” ตั้งแต่วันนั้นน้องก็เหมือนว่าจะมุมานะตั้งใจเรียนหนังสือมากขึ้น
จงจิตต์หลังจากที่เรียนจบมัธยม 8 จากโรงเรียนสารวิทยาแล้ว ก็สามารถเข้าเรียนบัญชีในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสอบเข้าได้อยู่ในอันดับ 4 จึงได้รับทุนเรียนด้วยไม่ต้องพึ่งเงินจากทางบ้าน
หลังจากจบการศึกษาจงจิตต์ ได้ทำงานเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ดีลอยท์ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชี และได้เป็น Audit Partner ในเวลาต่อมาอีกทั้งยังได้เป็นอาจารย์ในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาฯ
จงจิตต์ ครั้นเกษียณจากที่สำนักงานสอบบัญชี ดีลอยท์ แล้วก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี ในคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีด้วย
ปีแรกที่จงจิตต์เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ เธอพักอยู่กับผม ต่อมาได้ย้ายไปอยู่หอหญิง ชื่อปาหนัน ตอนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็ช่วยทบทวนวิชาคณิตศาสตร์ให้ จงจิตต์มีความพยายามและมีสมาธิ จึงสอบได้ที่ 4 ดังที่กล่าวมาแล้ว
จงจิตต์คงจะเห็นตัวอย่างจากรุ่นพี่โดยเฉพาะผมแล้วว่า คนที่ไม่มีเงินออมเลย เวลาเรียนหนังสือมีปัญหามากมาย ทั้งเรื่องเรียนและสุขภาพด้วย ด้วยปีแรกที่ผมกลับตรัง หลังจากใช้ชีวิตหนึ่งปีเต็มในกรุงเทพฯ คนอื่นอาจจะดูดีมีราศีมีผิวพรรณที่สะอาดสะอ้าน จนพูดล้อกันเล่นว่า คงจะได้อาบน้ำประปาในกรุงเทพฯ มาซึ่งตรงกันข้ามกับผม ผมได้ไปอาบน้ำคลองกลับมาและเป็นน้ำคลองที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกรุงเทพฯ ด้านเหนือมาแล้วด้วย ผมพกโรคกลับบ้านมีอาการปัสสาวะไม่ค่อยออก เป็นโรคผิวหนังแถมด้วยโรคน้ำกัดเท้าอีกต่างหาก ยังจำได้ว่าทันทีที่แม่ได้ทราบและได้เห็นร่างกายของผม แม่รีบหาสมุนไพรไทยมาต้มให้ผมดื่ม หายามาตำมาทารักษาโรคผิวหนังให้ผม
ประมาณ 60 ปีต่อมา คือเมื่อต้นเดือน มี.ค. 2560 นี้เอง หลังจากทำบุญครบรอบ 6 ปีที่แม่ถ้วนได้เสียชีวิต มาโนชญ์ อุยสุย ญาติของเราก็ได้พาผม จงจิตต์ และหลานอีก 2 คน ดุจดวงใจ พุทธสุวรรณ และอัคร หลีกภัย ไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่สวยงามตามธรรมชาติมาก บนเส้นทางไปอ่างเก็บน้ำ จงจิตต์ก็ได้เริ่มเล่าความหลังให้ทุกคนในรถซึ่งเป็นญาติสนิทกันทั้งนั้นฟัง เธอเล่าตั้งแต่ขายน้อยโหน่งลูกละสลึง และตามด้วยพืชผลอื่นๆ รวมทั้งมะพร้าวในสวนที่พ่อได้ปลูกเอาไว้ เงินได้มาเธอเก็บออมฝากไว้ในธนาคารออมสิน จนถึงปัจจุบันเธอก็ยังไม่เคยเบิกมาใช้เลย ตัวเลขในบัญชีในวันนี้เธอบอกว่าเป็นหลักหมื่นทีเดียว
การออมเงินของจงจิตต์ ทำให้ผมเข้าใจได้ดีว่า ทำไมเวลาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ จงจิตต์จึงไม่มีปัญหาเรื่องการเงินเหมือนผมเลย และส่งผลให้เธอมีสมาธิและเรียนได้อย่างราบรื่น น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่คิดจะออมเงินครับ