กองปราบฯจับ2ผัวเมียผลิตอาหารเสริมเถื่อน-หลอกคนร่วมลงทุน

ตำรวจกองปราบฯ จับ2ผู้ต้องหาลอบผลิตอาหารเสริมเถื่อน และหลอกคนให้มาร่วมลงทุนผ่านเฟซบุ๊ก

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.) นำกำลังจับกุม นายบันเทิง และ น.ส.อัจฉรา สามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมอายัดของกลางประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอางไม่ได้รับรองคุณภาพ อาทิ แคลเซียมคาร์บอเนต กรดมะนาว แป้งข้าวโพด แคปซูลสำหรับบรรจุ มากกว่า 300,000 เม็ด มูลค่า 11,390,000 บาท จับกุมได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ว่าถูกผู้ต้องหาทั้งสอง หลอกลวงให้ร่วมนำเงินมาลงทุนธุรกิจ หลังจากผู้ต้องหาได้ตั้งบริษัท รับจ้างผลิตอาหารเสริม และเครื่องสำอางทั่วไป ให้กับลูกค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างๆ มีการทำการตลาดโดยโฆษณาผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นไลน์ รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือโดยการถ่ายรูปคู่กับบุคคลสำคัญ ถ่ายรูปโรงงานซึ่งอ้างว่ามีเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน

นอกจากนี้ยังมีการอวดอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอางเกินความเป็นจริง เช่น ล้างสารพิษลำไส้ กำจัดไขมันส่วนเกิน, ปรับโครงสร้างผิวให้ขาวกระจ่างใส, ช่วยให้ผิวสวยมีออร่า

รอง ผบก.ป. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้งสองจะอ้างกับผู้เสียหายว่าสามารถขอเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตแต่ละตัว จากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ แต่ภายหลังพบว่ามีการนำเลขทะเบียน อย.ผลิตภัณฑ์สินค้าของผู้อื่นมาใช้ จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ถูกหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการต่างๆ เป็นจำนวนกว่า 15 ราย แต่ภายหลังโอนเงินให้แล้วกลับไม่ได้รับสินค้า หรือบางรายได้รับสินค้าก็ไม่ได้มาตรฐาน โดยผู้บริโภคที่นำไปรับประทานจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ ใจเต้นเร็ว อ่อนเพลีย เป็นอันตรายต่อร่างกาย ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออำนาจศาลออกหมายจับ กระทั่งสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองและขยายผลเข้าตรวจค้นแหล่งผลิต ยึดของกลางไว้ได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้หาซื้อวัตถุดิบจากแหล่งต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ก่อนจะนำมาผลิตสินค้าและหลอกลวงผู้เสียหายดังกล่าว โดยทำกันเพียงลำพังสองคน ส่วนการที่ไม่สามารถนำสินค้ามาส่งให้กับผู้เสียหายได้นั้นเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนทำธุรกิจอย่างอื่นแต่เกิดภาวะขาดทุนจึงทำให้ไม่สามารถหมุนเงินมาใช้ในการผลิตสินค้าให้กับผู้เสียหายได้ทัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำของกลางทั้งหมดส่งให้ทาง อย.ได้ตรวจสอบ ก่อนพิจารณาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่าเคยถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.อาหารและยาฯ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 รวมทั้งเคยถูกดำเนินคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา อีกด้วย

หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า รู้จักผู้ต้องหารายนี้ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เนื่องจากมีการลงโฆษณาชวนเชื่อว่ามีโรงงานรับผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ และสามารถดำเนินการขอใบอนุญาตจากทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา ประกอบกับมีการนำรูปภาพโรงงานการผลิตมาโพสต์ลงเพจทำให้ดูน่าเชื่อถือ จึงหลงเชื่อติดต่อว่าให้ผู้ต้องหาช่วยผลิตอาหารเสริมประเภทวิตามินบำรุงผมและจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการผลิตให้จำนวน 85,000 บาท ให้ แต่เมื่อถึงกำหนดรับสินค้าที่สั่งผลิตผู้ต้องหากลับไม่ยอมนำสินค้ามาส่งมอบให้ กระทั่งมาทราบจากเพื่อนๆที่เคยติดต่อว่าจ้างให้ผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพกับผู้ต้องหารายนี้จึงทราบว่าถูกหลอก