บ่างสองหัว
ตอนส่องไฟฉายไปเห็น “บ่าง” เกาะลำต้นไม้เปลือย ในระดับเหนือหัวไม่มาก ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันอย่างไรให้ได้ตรงใจ
โดย...ปริญญา ผดุงถิ่น
ตอนส่องไฟฉายไปเห็น “บ่าง” เกาะลำต้นไม้เปลือย ในระดับเหนือหัวไม่มาก ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันอย่างไรให้ได้ตรงใจ
เพราะบ่างเป็นสัตว์ป่าที่ผมรอคอยที่จะเห็นตัวมันมาตลอดชีวิต แล้วก็มีคำถามคาใจ ชาตินี้จะได้เจอมันไหมเนี่ย? มันออกจะเป็นสัตว์ที่หากจะได้เจอ ก็คงเป็นแบบบังเอิญ งงๆ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว อย่างที่ผมได้เจอนี่แหละ
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากอาถรรพ์บ่างไม่อาจถูกทำลาย จนแล้วจนรอดไม่ได้เจอตัวเสียที ผมเคยคิดไว้ สักวันคงต้องพึ่งบริการ “บ่างสำเร็จรูป” ที่อาศัยติดที่บนหมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งความรู้สึกมันไม่พีก
ตอนนี้ผมไม่ต้องไปเกาะสุรินทร์อีกแล้ว ในเมื่อบ่างแห่งฮาลา-บาลา ออกมาแนะนำตัวในยามดึก เล่นเอาผมประกอบกล้องและแฟลชด้วยใจที่เต้นตึกๆ กลัวมันเผ่นไปเสียก่อน ปรัชญาเกรียนๆ ที่ว่า “นกกลางคืนต้องถ่ายกลางคืน” ฉันใด “บ่างผู้เป็นสัตว์กลางคืน ก็ต้องถ่ายกลางคืน” ฉันนั้น
บ่างบาลายังมาแบบพิเศษไม่เหมือนใคร เพราะมันมากัน 2 ตัว เกาะใกล้ๆ กัน เมื่อส่องไฟดูชัดๆ ก็เห็นว่าบ่างตัวบน มีลูกน้อยเกาะติดหน้าท้อง ยื่นหน้าและตาแป๋วๆ มองลงมาที่ผมอีกต่างหาก ขณะที่หัวของแม่อยู่ในท่า “มองบน”
เจ้าของภาษิตคำพังเพยโบราณ “บ่างช่างยุ” มาในเวอร์ชั่นของ “นกสองหัว” เชียวละงานนี้
สรุปว่าบ่างหนแรกในชีวิต จัดเต็มทีเดียว 3 ตัวเลย อารมณ์นั้นอยากจะเชื่อว่าเป็นบ่างพ่อแม่ลูกกำลังออกหากินพร้อมกัน แต่ความจริงจะเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า ต้องบอกว่าผมไม่รู้หรอก ก็ผมไม่ใช่บ่าง
ตัวจริงของบ่างที่เห็น ออกจะเป็นสัตว์ที่เหมือนคนเอาผ้าห่มขนสัตว์ผืนใหญ่และหนา มาห่มตัวไว้ตลอดเวลา ดูรุ่มร่ามน่าอึดอัด เกิดร้อนรำคาญขึ้นมา จะสลัดทิ้งไปก็ทำไม่ได้
จากตำแหน่งเกาะเตี้ยๆ พวกมันเคลื่อนตัวตามเปลือกไม้ไปสู่ที่สูง ด้วยท่าตลกๆ คือกระโดดๆๆ ขึ้นไปช้าๆ หากว่าสัตว์คู่เหมือนอย่าง “พญากระรอกบิน” ไต่ต้นไม้ด้วยท่าฟรีสไตล์ “บ่าง” ก็ไต่ต้นไม้ด้วยท่าผีเสื้อ เปรียบเทียบกับท่าว่ายน้ำแบบนี้คงนึกภาพออก
ไม่รู้ว่าเพราะกลัวแสงแฟลช หรือกลัว
ลูกพลัดตก แม่บ่างยกหางเป็นกระบังตั้งเด่ ผมเลยได้เห็นใต้หางของบ่างชัดๆ เป็นก้านแข็งยาวที่มีหนังเปลือยเปล่าขึงอยู่ มองเห็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยง ชวนให้นึกถึงปีกของสัตว์เลื้อยคลานบินยุคโลกล้านปี
ท่ายกหางยังเผยให้เห็นรูตูดบ่างอย่างจะจะ ปกตินี่เป็นจุดซ่อนเร้นใต้ผ้าห่มขนสัตว์อันยากที่ใครจะได้เห็น โอ้โห ผมนี้ช่างโชคดีหลายต่อ แม้มันจะเป็นแค่อวัยวะประเภท “เห็นไปก็เท่านั้น”