posttoday

Nice และ Riviera…

05 สิงหาคม 2560

“Riviera” เป็นคำในภาษาอิตาลี แปลว่า “แนวชายฝั่ง” หรือ “ท่าน้ำ” แต่คำว่า “Riviera” ที่เข้าใจกันในภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว

ม.ล.อัจฉราพร ณ สงขลา

“Riviera” เป็นคำในภาษาอิตาลี แปลว่า “แนวชายฝั่ง” หรือ “ท่าน้ำ”

แต่คำว่า “Riviera” ที่เข้าใจกันในภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว จะหมายถึงแนวชายฝั่งทะเล Mediterranean เริ่มจากเมือง La Spezia ของอิตาลีติดต่อยาวเรื่อยไปถึงเมือง Marseille ของฝรั่งเศส มีความยาวของฝั่งเชื่อมรวมกันแล้วประมาณ 500 กม.

Riviera จึงมีอยู่ 2 ส่วน คือ Riviera ส่วนที่อยู่ในอิตาลี และ Riviera ส่วนที่อยู่ในฝรั่งเศส

Riviera ในอิตาลีก็มักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า Riviera ซึ่งเป็นภาษาอิตาลีอยู่แล้ว

ส่วน Riviera ที่อยู่ในฝรั่งเศสอาจจะเรียก Riviera เหมือนในอิตาลีก็ได้ แต่คนฝรั่งเศสมักใช้คำเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Cote d’Azur (โก้ด ดา ซูร์) คือชายฝั่งริมน้ำสีคราม

ความจริงแล้วในเขต Riviera ยังมีพื้นที่รัฐเล็กๆ อีกรัฐหนึ่งรวมอยู่ด้วยคือ...ราชรัฐ Monaco

หากขับรถเลียบชายฝั่ง Riviera จากอิตาลีไปสุดในฝรั่งเศสรวดเดียวโดยใช้ Motorways (ในฝรั่งเศสเรียกว่า Autoroutes) แวะกินอาหารบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง ก็จะใช้เวลา 6-7 ชม.

แต่ถ้าขับไปแวะพักไปแบบ Slow Life เลือกลงไปใช้เส้นทางเล็กๆ เลียบชายทะเลบ้าง ไต่ขึ้นไปขับตามชายเขาบ้าง หาเส้นทางที่หวาดเสียวเช่นเส้นทางแบบที่เขาแข่งรถสูตร 1 ใน Monaco บ้าง

ขอสัก 2 อาทิตย์ น่าจะกำลังดี

อย่าให้เงินหมดเสียก่อนก็แล้วกัน...

เส้นทางใน Riviera ค่อนข้างอันตรายค่ะ เพราะเป็นถนนที่ต้องวิ่งอยู่บนเปลือกโลกในส่วนของภูเขาแอลป์ทางใต้ของยุโรป ซึ่งบางส่วนจู่ๆ ก็มาหักเป็นหน้าผาจมดิ่งลงไปในทะเล Mediterranean 

สำหรับทะเล Mediterranean นอกชายฝั่ง Riviera หากจะเรียกให้ถูกต้องจะต้องเรียกว่าทะเล Ligurian เป็นชื่อกลุ่มคนดั้งเดิมที่เคยอาศัยอยู่ ต่อมากลายเป็นชื่อรัฐ Liguria ชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนืออิตาลี

ถัดจากรัฐ Liguria ก็เข้าไปในพื้นที่ของฝรั่งเศส โดยมีรัฐ Monaco ขวางทางให้สะดุดอยู่หน่อยหนึ่ง

Riviera เป็นพื้นที่ต้นแบบเมืองธุรกิจชายฝั่งทะเลที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของโลก เริ่มจากคนอังกฤษหนีหนาวมาพักผ่อนที่ Riviera ราว 100 กว่าปีก่อน จากนั้นเมืองแถบ Riviera ได้พัฒนารูปแบบเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลเรื่อยมา

ลักษณะชายฝั่งของ Riviera เป็น โขดหิน เวิ้งอ่าว มีหาดแทรกอยู่บ้าง เหมาะกับการเล่นน้ำ เปลือยกายอาบแดด หรือล่องเรือส่วนตัวจอดแล้วพักค้างตรงซอกมุมของทะเลที่เงียบสงบ

คนไป Riviera มักจะไปเริ่มต้นที่ Nice (นีซ) ในฝรั่งเศส ซึ่งมีชายหาดยาวมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นหินและกรวด ท่าอากาศยาน Nice Cote d’Azur มีจำนวนผู้โดยสารใช้มากเป็นอันดับ 3 ในฝรั่งเศส คือรองจาก Paris Charles de Gaulle และ Paris Orly ขณะที่คนใช้สนามบินที่ Charles de Gaulle และ Orly รวมกันปีละราว 90 ล้านคน ส่วนที่ Nice มีปีละราว 11 ล้านคน ซึ่งคนที่บ่ายหน้าลงมายัง Nice มีเป้าหมายคือการมาเที่ยว French Riviera หรือ Cote d’Azur เป็นส่วนใหญ่

Nice Riviera เป็นเมืองต้นแบบชายทะเลที่น่าศึกษา เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือการใช้พื้นที่ชายทะเลเพื่อการท่องเที่ยวในฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของฝรั่งเศสมีความหลากหลาย และดึงจุดเด่นแต่ละพื้นที่ขึ้นมาชัดเจน เรามองไปเผินๆ แล้วทุกพื้นที่ก็เหมือนๆ กัน แต่หากมองไปให้ละเอียดแล้วต่างกัน และมีลักษณะจำเพาะอยู่

คนมักใช้ Nice เป็นจุดตั้งต้นในการเที่ยว French Riviera การเดินทางในตัวเมือง Nice มีรถรางทันสมัยสวยงาม ส่วนการเดินทางออกจาก Nice ไปยังจุดข้างเคียง เช่น Cannes, Eze หรือไป Monaco ก็มีรถประจำทาง ราคาไม่แพง

หรือหากจะเดินทางให้ไกลออกไป เช่น St.Tropez, Marseille จะเดินทางด้วยรถไฟก็สะดวกมาก

ลักษณะเด่นหรือจุดขาย Riviera ฝรั่งเศส กับ Riviera ของอิตาลี คนละอารมณ์กัน

Italian Riviera ส่วนที่เป็นพื้นที่สงบสำหรับบ้านพักส่วนตัว เช่น Villa Nobel คฤหาสน์ของ Alfred Nobel ซึ่ง ร.5 ทรงเคยเสด็จฯ ไปประทับก็ยังมีอยู่มาก

ส่วนเมืองที่มีชายหาดก็จะเต็มไปด้วยผู้คน บางเมืองปลูกอาคารเกาะกันแน่นขึ้นไปตามเวิ้งภูเขาเต็มไปด้วยสีสัน ดูมีเสน่ห์ในแบบ Riviera ของอิตาลีที่ไม่มีใครเหมือน

ถ้าแผ่นดินไหวหากเดินอยู่แถวนั้นวิ่งหนีให้ทันก็แล้วกัน

Italian Riviera อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งไม่ไกลจากเขตอุตสาหกรรมหนักโดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์และเรือ ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในรัฐทางตอนเหนือ จะใช้ Genoa เมืองหลวงของรัฐ Liguria เป็นเมืองท่าส่งสินค้าออกไปขายทั่วโลก

ท่าเรือ Genoa นี่แหละค่ะเป็นท่าเรือใหญ่ และมี Boat Show ราวเดือน ก.ย.ของทุกปี เป็นงานที่เศรษฐีจากทั่วโลกมาเลือกซื้อเรือยอชต์ และมาหาซื้อไวน์จาก Piedmont ขวดที่ราคาโหดๆ

เราก็ไปดูเศรษฐีช็อปปิ้งอีกทีหนึ่ง

สำหรับใครชอบดูพริตตี้รถยนต์ ลองเปลี่ยนไปดูพริตตี้เรือยอชต์รุ่นใหม่บ้าง แต่ขอบอกว่า...ต้องไปรอบพิเศษสำหรับนักข่าวนะคะ

เขาจัดเต็มสุดๆ ค่ะ... 

สำหรับ French Riviera หรือ Cote d’Azur ในฝรั่งเศสนั้นมีชีวิตชีวาและดูผ่อนคลายกว่าในอิตาลี ฝรั่งเศสเน้นการกระจายคนไม่ให้อยู่กันแน่น เพราะเป็นพื้นที่ราบ จึงเปิดพื้นที่ออกไปเป็นจัตุรัสและทางเดินที่สบาย มีสวนดอกไม้ ลานน้ำพุคลายร้อน ฝรั่งเศสเน้นการสร้าง Promenade ทั้งในเมืองและที่ชายทะเล

อีกส่วนนั้นได้นำงานศิลปะเข้ามาเติมบรรยากาศของ Riviera เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะงาน Picasso เทศกาลคาร์นิวัลช่วงอีสเตอร์ หรือเทศกาลภาพยนตร์ที่ Cannes

ฝรั่งเศสยังใช้ Riviera หรือ Cote d’Azur เป็นจุดนำเสนอผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น การขายน้ำหอมดังของภาคใต้อย่าง Fragonard และทำให้คนรู้ว่า...ไม่มีขายที่อื่นหรอกนะ

ฝรั่งเศสยังแต่งเติมเรื่องหลายรสไว้ในบรรยากาศของ French Riviera หรือ Cote d’Azur เช่น จุดเริ่มถนนสาย N85 คือ La Route Napoleon หรือจุดเริ่มต้นเส้นทางที่จักรพรรดินโปเลียนเดินทางกลับไปครองอำนาจอีกครั้งหลังจากลักลอบหนีจากเกาะ Elba กลับมาขึ้นฝั่งที่ชายหาด Golfe-Juan ของ French Riviera แล้วตรงไปปารีสนำฝรั่งเศสเข้าสงครามครั้งสุดท้ายในชีวิตที่ Waterloo

Nice ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำคัญของ Riviera อย่างต่อเนื่อง แต่ Nice ก็ไม่ต้องการให้ตัวเองอยู่อย่างโดดเดี่ยว

Nice จึงไปจับมือกับหลายเมืองชายทะเลโลกให้เป็น Sister City และ Sister City ของ Nice เมืองหนึ่งนั้นคือ Phuket ค่ะ

(พบกันวันเสาร์หน้าค่ะ)