ศาลตัดสินจำคุก "ไผ่ ดาวดิน" 2 ปี 6 เดือน หลังรับสารภาพ
ศาลขอนแก่นตัดสินจำคุก "ไผ่ ดาวดิน" 2ปี 6 เดือนหลังให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พ่อเผยอีก 2 คดี ขอสู้ถึงที่สุด
ศาลขอนแก่นตัดสินจำคุก "ไผ่ ดาวดิน" 2ปี 6 เดือนหลังให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พ่อเผยอีก 2 คดี ขอสู้ถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ศาล จังหวัดขอนแก่น ได้นัดพิพากษาคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ของ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน โดยมีการติดป้ายสีแดงว่าเป็นการพิจารณาคดีทางลับ และห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด มีเพียง องค์คณะตุลาการ,อัยการ,นายกฤษฎางค์ นุตจรัสและ น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความฝ่าย,จำเลย และครอบครัวของจำเลย เข้าร่วมรับฟังได้เท่านั้น
ขณะที่บริเวณหน้าห้อพิจารณาคดี มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลประจำอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในห้องพิจารณาคดี โดยมีกลุ่มสมาชิกดาวดินและผู้ที่ให้การสนับสนุนไผ่ ดาวดิน รออยู่ด้านหน้าห้องพิจารณาคดีจำนวนมาก
ศาลได้อ่านคำพิพากษาโดยใช้เวลานานกว่า 30 นาที ก่อนที่จะมีคำสั่งพิพากษาจำคุกผู้ต้องหา 5 ปี แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงมีคำสั่งลดโทษครึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันที่ศาล จ.ขอนแก่น ได้ขอเบิกตัวผู้ต้องหา มาเพื่อสอบพยานโจทก์ ครั้งที่ 2 ตามที่ได้กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค. แต่ด้วยผู้ต้องหาได้แถลงต่อศาลในการรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาโดยทีทีมทนายความนั้นมีหน้าที่ทำตามความต้องการของผู้ต้องหาและครอบครัวของผู้ต้องหา จึงทำการแถลงต่อศาล ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วนั้น ศาลจึงมีคำสั่งพิจารณาคดีความทันที โดยมีคำสั่งจำคุกผู้ต้องหาตามความผิดประมลกฎหมายอาญา มาตรา112 ทั้งหมด 5 ปี แต่ด้วยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงเห็นควรลดโทษลงครึ่งหนึ่ง โดยคงเหลือ 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้รับโทษมาตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2559 ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้ต้องหานั้นจะครบกำหนดการคุมขัง 8 เดือน ในวันที่ 22 ส.ค. ที่จะถึงนี้ เท่ากับว่าผู้ต้องหาจะมีการนับวันคุมขังหลังมีคำพิพากษาในคดีนี้ต่อไปอีก 1 ปี 10 เดือน หรือ 22 เดือน
สำหรับในการยื่นขออุทรณ์ต่อศาลหรือไม่นั้นคงต้องปรึกษากับครอบครัวและผู้ต้องหาอีกครั้ง ในการดำเนินการใดๆต่อไป ซึ่งมีเวลา 30 วันตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งทีมทนายความจะกลับไปประสานการทำงานร่วมกันทุกฝ่าย รวมทั้การเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา เพื่อหารือร่วมกันในส่วนต่างๆ ทั้งนี้ผู้ต้องหายังคงเหลือการพิจารณาคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นศาล แยกเป็น ศาล มทบ.23 ว่าด้วยความมั่นคง และ ศาล จ.ภูเขียว ตามความผิดกฎหมายประมติ ซึ่งทีมทนายความจะหารือร่วมกันในการต่อสู้คดีที่คงเหลือต่อไป
ขณะที่นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดา ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า เมื่อลูกถูกศาลพิพากษาให้จำคุกครอบครัวก็เสียใจและเชื่อว่าทุกครอบครัวไม่มีใครอยากให้ลูกนั้นต้องถูกจำคุก คดีความนี้ต่อสู้กันมานานกว่า 8 เดือน มีการยื่นขอประกันตัวมากถึง 10 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการประกันตัว ดังนั้นการที่ไผ่ ให้การรับสารภาพมีเหตุผลอยู่ 2 อย่าง คือความไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย และ ต้องการยุติความขัดแย้งในด้านต่างๆลงด้วยตัวเอง เพราะที่ทราบคือคดีนี้สร้างความขัดแย้งเกิดขึ้นในด้านต่างๆ ดังนั้นเมื่อลูกตัดสินใจก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ส่วนคดีที่เหลืออีก 2 คดีก็สู้กันไป วันนี้กระบวนการยุติธรรมของไทยแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า สภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อนุมัติการสำเร็จการศึกษาของบุตรชายแล้วในคณะนิติศาสตร์ และได้มีการขึ้นทะเบียนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในช่วงปลายปีนี้ แต่บุตรชายคงเข้ารับพระราชทานปริญญาในปีนี้ไม่ได้
หลังจากนี้เมื่อไผ่พ้นโทษ เจ้าตัวจะมาทำหน้าที่ทนายความเพื่อต่อสู้ให้กับคนที่ไมมีทางสู้ สู้เพื่อสิทธิมนุษยชน สู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องตามที่ได้เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น ครอบครัวก็ไม่ห้ามขอเพียงไผ่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและทำในสิ่งที่ถูกต้อง