"ภาพวาดของพ่อ" เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
"ผมเป็นหมอด้านสายตา และหากจัดแสดงภาพครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะจัดทำเป็นโปสต์การ์ด และถ้ามีรายได้ ก็จะทำโครงการตรวจตาเพื่อป้องกันการตาบอดตามโรงพยาบาลในชนบท เป็นการทำเพื่อถวายพระองค์"
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
นับเป็นช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า หลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สวรรคต แม้จะครบรอบ 1 ปีต่อการจากไป แต่สิ่งหนึ่งซึ่งหลงเหลือไว้ คือ คุณงามความดีกับทุกย่างก้าวของพ่อ ที่หาเสมอเหมือนมิได้
ทศพร เสรีรักษ์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เล่าผ่าน “โพสต์ทูเดย์” กับวิถีแห่งศิลปะเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพ่ออันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย “แรกเริ่มเดิมทีไม่กล้าวาดรูปในหลวงสมัยก่อน แต่ปีที่ผ่านมาคิดว่าอยากวาดรูปพระองค์ท่าน จึงรวบรวมหนังสือต่างๆ ที่มีรูปท่านทั้งหลาย และเริ่มวาดเป็นชุดออกมา รวมแล้วกว่า 30 ภาพ ซึ่งชุดภาพส่วนใหญ่ที่ผมเลือกวาดนั้น จะตั้งเป็นหัวข้อ ‘ความรัก’ ของพระราชา ความรักของพระองค์
จะเป็นรูปของท่านกับพระมารดา พระเชษฐา พระพี่นาง พระราชินี พระราชโอรส และพระราชธิดา ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านรัก หรือรูปท่านทรงอ่านหนังสือ ทรงเปียโน และทรงผนวช พยายามวาดในหัวข้อนี้ออกมา เพื่อเป็นการถวายท่าน และตั้งใจว่าจะเอารูปชุดนี้จัดแสดง และหากมีใครบริจาคเข้ามา จะใช้เงินนี้ไปทำงานการกุศลช่วยเหลือคนยากจน เป็นการถวายให้ท่าน ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่”
ทศพร บอกว่า ภาพที่วาดเหล่านี้อาจไม่ได้ไปจัดแสดงตามงานแกลเลอรี่เพราะคนจะได้ดูอยู่แค่ในวงจำกัด แต่ตั้งใจไว้ว่าจะไปจัดแสดงตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้ดู และคิดอีกว่าจะถ่ายเอกสารเป็นโครงภาพวาดในหลวง ไปให้นักเรียนระบายสี เป็นการทำให้เด็กเอารูปไปเคารพ
“ถ้าเด็กมีใจรักศิลปะ จะทำให้อ่อนโยน เป็นคนดี แต่การศึกษาในไทยส่วนหนึ่งไม่ค่อยเน้นกัน และการเอารูปในหลวงจะทำให้เด็กได้เห็นว่า ในหลวงท่านขยันเรียน เช่น ทรงอ่านหนังสือ ทรงกีฬา หรือทรงดนตรี รักแม่ เป็นตัวอย่างที่ดีในการนำไปใช้สอนเด็กตรงๆ ซึ่งการจัดแสดงจะพยายามทำให้ได้ทุกโรงเรียนในประเทศ แต่อาจจะเริ่มต้นที่โรงเรียนสวนกุหลาบก่อน เพราะเป็นแหล่งทำให้ผมวาดรูปเป็น”
ทศพร เล่าว่า เดิมเป็นคนชอบวาดรูปตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนอยู่โรงเรียนสวนกุหลาบ อีกทั้งได้ครูดี เพราะครูที่สอนศิลปะจบจากเพาะช่าง โดยสอนทั้งสีน้ำ วาดด้วยดินสอ แรเงา จึงเกิดความชอบ และเหตุผลที่ชอบวิชาศิลปะ เพราะว่าอยากสอบได้ที่หนึ่ง เนื่องจากโรงเรียนสวนกุหลาบ เด็กเก่งๆ อย่างคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ จะได้เท่าๆ กัน คือ เต็มเหมือนกันทุกคน ก็มาชนะตรงวิชาศิลปะ เพราะคนอื่นไม่ชอบ
“วิชาศิลปะ วิชาสังคมศึกษา แม้กระทั่งวิชาภาษาไทย พวกนักเรียนสายวิทย์ฯ จะทิ้งกัน เนื่องจากไม่ชอบ แต่ผมชอบหมด ทั้งศิลปะ ภาษาไทย ได้เอามาใช้หมด เลยชอบตั้งแต่ตอนนั้น”
ทศพร เล่าว่า หลังจากเกิดการปฏิวัติ ทำให้มีเวลาว่าง เลยมารื้อฟื้นวิชาศิลปะที่เคยร่ำเรียน โดยส่วนใหญ่จะเริ่มจากวาดภาพให้เป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนๆ หรือถ้ามีเวลาก็จะหาคอร์สสั้นๆ เรียน เพื่อรื้อฟื้นเพิ่มเติม และเมื่อใกล้ช่วงเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงรู้สึกว่าควรวาดภาพ
อย่างไรก็ดี แต่ละรูปจะใช้เวลาในการวาดขึ้นอยู่กับความละเอียด ถ้าเร็วๆ ก็ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าให้เร็วกว่านั้น เช่น วาดรูปคนอื่นก็ประมาณ 5-10 นาทีเสร็จ เอาแค่เพียงโครงร่าง แต่ถ้ารูปพระองค์ท่านจะใช้เวลาสักนิดหนึ่ง และบางรูปละเอียดมากๆ ก็ใช้เวลาเป็นวัo
ทั้งนี้ ส่วนตัวชอบวาดรูปด้วยดินสอ เพราะเป็นอะไรที่ง่าย เวลาไปไหนแค่พกดินสอ มีกระดานรองรูป กระดาษวาดรูป ก็สามารถวาดรูปได้ หากให้เทียบกับ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ก็คงเทียบไม่ได้ เพราะอยู่ในระดับศิลปินจริงๆ ทว่า ตนแค่มือสมัครเล่น จะเรียกศิลปินคงไม่ได้ เพียงแค่เป็นคนชอบวาดรูปเท่านั้น
ทศพร บอกถึงความตั้งใจในการวาดภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะคิดถึงสิ่งที่ท่านทำให้กับประเทศชาติมาโดยตลอด และทำความดีให้กับสังคม แม้กับตัวเอง
ผมรับปริญญาจากพระหัตถ์ในหลวง 3 ใบ สมัยจบวิทยาศาสตรบัณฑิต 4 ปี ที่มหาวิทยาลัยมหิดล โดยคนจบแพทย์จะได้ 2 ปริญญา คือ วิทยาศาสตรบัณฑิต ตอนจบ 4 ปี และอีก 2 ปี คณะแพทยศาสตรบัณฑิต โรงพยาบาลรามาธิบดี ผมก็ได้รับจากพระหัตถ์ท่าน และหลังทำงานแล้ว ก็กลับมาเรียนที่คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล ระดับปริญญาโท ก็รับจากพระหัตถ์ท่าน ผมยังจำได้ตอนเรียนปี 1 พระองค์ท่านมาทรงดนตรีปีละครั้ง ที่โรงพยาบาลศิริราช ผมก็ไปนั่งเข้าเฝ้าฯ และนึกถึงท่านที่อุทิศตัวทำเพื่อประชาชน ทำให้ประเทศชาติมาตลอด ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี”
ทศพร เล่าอย่างภาคภูมิใจ สิ่งที่พระองค์ทรงให้ไว้และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี คือ ความขยันขันแข็ง เช่น รักในการเรียน เพราะพระองค์ท่านทรงศึกษาอยู่ตลอด ค้นคว้า คิดนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นตัวอย่างอันดี ความรักบิดา มารดา ก็นับเป็นตัวอย่างอันดี ที่ส่วนตัวได้เจริญรอยตาม และการทำงานเพื่อประชาชน ที่พยายามทำมาตลอด
“ภาพที่ท่านทรงไปเยี่ยมคนไข้ ในถิ่นทุรกันดาร ผมก็ดำเนินรอยตามท่าน ผมก็ไปเยี่ยมคนไข้ในพื้นที่ เพราะเห็นว่าขนาดพระองค์ยังทำ แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ ซึ่งผมก็ยังทำแบบนี้อยู่เรื่อยๆ โดยเมื่อไม่นานมานี้ก็ไปขึ้นดอย จ.แพร่ ไปตรวจคนไข้ ตรวจตา เอาของเล่นไปแจกเด็กๆ ซึ่งทำมาตลอด และเมื่อนึกถึงภาพที่ท่านทำ ผมจึงไม่เคยดุคนไข้เลย”
อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ บอกว่า แม้จะครบรอบ 1 ปีการสวรรคต แต่ว่าภาพและคุณงามความดีของท่านจะยังอยู่ตลอดไป เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และได้ใช้เป็นแบบอย่าง ซึ่งส่วนตัวตั้งปณิธานไว้ จากนี้จะสนองพระคุณพระองค์ ทำให้ประเทศชาติ ด้วยการทำสิ่งดีๆ เจริญรอยตามท่าน โดยเฉพาะโครงการด้านสาธารณสุข
“ผมเป็นหมอด้านสายตา และหากจัดแสดงภาพครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะจัดทำเป็นโปสต์การ์ด และถ้ามีรายได้ ก็จะทำโครงการตรวจตาเพื่อป้องกันการตาบอดตามโรงพยาบาลในชนบท เป็นการทำเพื่อถวายพระองค์ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ เช่น ออกหน่วยพยาบาลที่โรงพยาบาลใน จ.แพร่ รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆ ผมไปด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโครงการเพื่อพ่อ โดยจะจัดทุกเดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจทำให้พ่อ นอกจากนี้ ผมมีแนวคิดจะเอาภาพที่ตัวเองวาดไปจัดแสดงยังประเทศอังกฤษ เพราะต้องการเผยแพร่คุณงามความดีของพระองค์ท่าน”