กองทัพแถลง"น้องเมย"เสียชีวิตหัวใจล้มเหลว ไม่ได้ถูกทำร้าย-ซ่อม
ประธานคณะกรรมการ แถลงผลสอบ "น้องเมย"นักเรียนเตรียมทหาร เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน พยานบุคคล - ผลชันสูตร ยืนยัน ไม่มีใครทำร้าย-ลงโทษจนทำให้เสียชีวิต
ประธานคณะกรรมการ แถลงผลสอบ "น้องเมย"นักเรียนเตรียมทหาร เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน พยานบุคคล - ผลชันสูตร ยืนยัน ไม่มีใครทำร้าย-ลงโทษจนทำให้เสียชีวิต
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิต นตท.ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร หรือ น้องเมย ได้แถลงผลการสอบสวน ว่า ได้สอบผู้เกี่ยวข้องจำนวน 42 คน ทั้ง นักเรียนเตรียมทหารทั้งปี 3 และ ปี 1 แพทย์จากกองแพทย์ แพทย์จากโรงพยาบาลโรงเรียนนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และแพทย์จากศูนย์การแพทย์พระมงกุฏเกล้าฯ รวมถึงนายทหารปกครอง อาจารย์พละศึกษา โดยสรุปเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง 2 เหตุการณ์ คือเหตุการณ์วันเสียชีวิตในวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ไล่เรียงเวลาตั้งแต่ช่วงเช้า นตท.ภัคพงษ์ เข้าห้องพยาบาล จากนั้นได้โทรศัพท์หาผู้ปกครอง ต่อมาได้มีการล้มลงต่อหน้าเพื่อน 4 คน จนนำส่งรพ.นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ซึ่งแพทย์ได้การทำ CPR ต่อเนื่องประมาณ 4ชั่วโมง และต่อมาได้เสียชีวิต ทั้งนี้ จากกล้องวงจรปิดจะพบว่านตท.ภัคพงศ์ ใช้มือกุมหน้าอกซ้ายบ่อยครั้ง และได้พูดคุยกับเพื่อนนตท.พบว่ามีความเครียดสูง ซึ่งวันที่ 17ต.ค. ทั้งวัน ไม่มีผู้ใดลงโทษจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
ส่วนเหตุการณ์ ที่ 2 เรื่องการฟกช้ำ วันที่ 10 ต.ค. กล้องวงจรปิดพบว่านตท. ภคพงษ์ วิ่งไปเพียงลำพังและตกบันไดที่สูง 8 ขั้น และมีครูพละได้เดินมาดู พบนอนตะแคงซ้ายมือกุมหน้าอก และจากการตรวจ พบว่าจุกบริเวณหน้าอก และใช้รถส่งกองแพทย์ ภายนอกไม่พบบาดแผล และส่ง รพ. ผลการตรวจสอบไม่พบบาดแผล ไม่พบการบาดเจ็บภายใน ต่อมาวันที่ 12 ต.ค. นตท.ภคพงษ์กลับมาพักที่บ้าน ผู้ปกครองนำไปตรวจซ้ำที่ รพ.เอกชน ผลการตรวจไม่มีสิ่งผิดปกติ ซึ่งจากพยานและคำให้การไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสั่งทำร้ายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และจากการแพทย์พยาธิวิทยาพบเซลล์หัวใจผิดปกติ แพทย์สรุปว่าเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
"คณะกรรมการสรุปได้ว่า ไม่มีผู้ใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายอันอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิต และจากการตรวจ สรุปภาพรวมได้ว่าไม่พบรอบฟกช้ำภายนอก ส่วนซี่โครงที่หักก็ไม่ตัดประเด็นการทำCPR นานกว่า 4 ชั่วโมง"
ทั้งนี้เตรียมเชิญญาติมารับทราบผลการสอบสวนในวันที่ 18 ธ.ค.นี้อีกครั้ง
"แต่ยืนยันว่า เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เป็นผู้สูญเสียด้วยกัน ทั้งคู่ เพราะถือว่าโรงเรียนเตรียมทหารและกองทัพก็สูญเสีย นตท.ภัคพงษ์ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีค่าและถือว่าเป็นสมาชิกของกองทัพไป เราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น"
การที่คณะกรรมการฯ ออกมาชี้แจงผลสรุปการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ก็ไม่ได้เป็นการตอบโต้ทางครอบครัวของน้องเมย แต่ต้องการให้สังคมและทางครอบครัวได้รับทราบข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงจากทางกองทัพ ส่วนสังคมจะพิจารณาว่าอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ที่จะมอง
และหากตำรวจ ต้องการมาสอบปากคำใดๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีทางกองทัพไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือมเพราะเป็นอำนาจหน้าที่ ของพนักงานสอบสวนที่จะสามารถสอบปากคำได้