ศาลแจงสั่งจำคุกเจ้ามือหวยใต้ดินเบี้ยวจ่าย1ล้านตามความผิดพรบ.พนันไม่ใช่ฉ้อโกง
โฆษกศาลยุติธรรมแจง ศาลแขวงอุดร สั่งจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เจ้ามือรับแทงหวยใต้ดินเบี้ยวจ่ายตามความผิด พ.ร.บ.พนันฯ ไม่ใช่ฉ้อโกง
โฆษกศาลยุติธรรมแจง ศาลแขวงอุดร สั่งจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เจ้ามือรับแทงหวยใต้ดินเบี้ยวจ่ายตามความผิด พ.ร.บ.พนันฯ ไม่ใช่ฉ้อโกง
จากกรณีที่มีนักธุรกิจหญิงอายุ 40 ปี ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้ามือรับแทงหวยใต้ดินที่ค้างชำระเงินค่าถูกหวย 1 ล้านบาท กระทั่งนำไปสู่การจับกุมเจ้ามือหวยได้พร้อมโพยของกลางและส่งฟ้องดำเนินคดีในศาลแขวงอุดรธานีนั้น โดยถือเป็นคดีแรกที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้ามือรับแทงหวยใต้ดินอย่างเปิดเผย โดยผู้เล่นหวยใต้ดิน ซึ่งผู้แจ้งความก็ถูกดำเนินคดีไปเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยถูกศาลสั่งปรับ 1,000 บาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลคดีที่ได้รับแจ้งจากศาลแขวงอุดรธานี ปรากฏว่า
กรณีดังกล่าวว พนักงานอัยการ ได้ยื่นฟ้อง นางกัญญาลักษณ์ เป็นจำเลย และศาลแขวงอุดรธานี ได้มีคำพิพากษาวันนี้ (9 ต.ค.) ว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 , 12 (1) ให้จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสภาพเป็นประโยชนแก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน
ขณะที่ศาลก็ได้พิเคราะห์ รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้สลากกินรวบตามโพยหวยของกลางระบุถึงจำนวนเงินจำนวนมากแสดงว่าจำเลยสามารถตอบสนองต่อผู้ประสงค์จะเล่นการพนันกับจำเลยเป็นจำนวนมาก
พฤติการณ์แห่งคดีน่าเชื่อว่าจำเลยไม่ได้เป็นเพียงเจ้ามือการพนันรายย่อยพฤติการณ์แล้วนับว่าร้ายแรง จึงเห็นสมควรไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
โฆษกศาลยุติธรรม อธิบายอีกว่า คำพิพากษาคดีดังกล่าว เป็นการฟ้องตาม พ.ร.บ.การพนันฯ ในฐานะที่จำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามมาตรา 12(1) หรือเรียกง่ายๆว่า เป็นเจ้ามือรับแทงหวยใต้ดิน ไม่ใช่การฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา และการเล่นหวยใต้ดินนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดให้มีการเล่นที่เรียกว่าเจ้ามือหรือผู้เข้าเล่นที่เรียกว่าผู้ซื้อก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.พนันฯ ด้วยเช่นกันทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ในส่วนของจำเลยที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษแล้วยังใช้สิทธิอุทธรณ์ได้อีกหรือไม่ โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า คดีนี้แม้จำเลยจะรับสารภาพและเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงสุดที่ศาลจะลงโทษได้ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับได้ไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากจำเลยยังประสงค์จะโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของผู้พิพากษาก็สามารถทำได้