"พิชัย" ยึดมั่นประชาธิปไตย ยุประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ตีจากพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล
พิชัยขอร้อง"ประชาธิปัตย์" รักษาคำพูดกับประชาชน ชี้ “อนุทิน” มีโอกาสและเหมาะ เป็นนายกฯ ฝั่งประชาธิปไตย
พิชัยขอร้อง"ประชาธิปัตย์"รักษาคำพูดกับประชาชน ชี้ “อนุทิน” มีโอกาสและเหมาะ เป็นนายกฯ ฝั่งประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 62 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รวม. พลังงาน เปิดเผยว่า อยากขอเตือนพรรคการเมืองทุกพรรค โดยเฉพาะพรรค ประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย ให้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ที่เคยบอกไว้ว่าไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจเผด็จการ และไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ก็อยากให้ทำจริง
"พรรคการเมืองที่มีฐานประชาชนขนาดใหญ่ ควรจะทราบดีว่า ประชาชนเลือกพรรคของตนมาเพราะเหตุใด ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ประเทศไทยเสียหายทางเศรษฐกิจมากมายขนาดไหนแล้ว ถ้ายังคิดสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ในอนาคตจะมีหน้าไปหาเสียงกับประชาชนว่าอย่างไร แล้วจะบอกลูกหลานอย่างไรเมื่อประเทศยังคงย่ำแย่ลงต่อไปอีกในอนาคต" นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเรียนรู้บทเรียนได้ดีที่สุดจากการที่สมาชิกพรรคร่วมกันเป่านกหวีตจนต่อมาเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร และถูกแช่แข็งมากว่า 5 ปี พอเลือกตั้งเสร็จพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ก็เอาทั้งบุคคลากรและคะแนนเสียงไปเกือบหมดจนพรรคประชาธิปัตย์ต้องประสพความล้มเหลวอย่างหนักครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพรรค แม้แต่ สส. ใน กทม. ก็ยังไม่ได้ซักคน
ทั้งนี้เพราะประชาชนสมัยนี้จำได้ดีว่าพรรคการเมืองใดทำอะไรไว้บ้าง และหากพรรคประชาธิปัตย์ยังพลิกลิ้นยอมไปร่วมรัฐบาลกับพลเอกประยุทธ์ อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะถึงกับหมดสิ้นได้ ซึ่งก็ต้องคอยดูว่าจะเป็นจริงไหม ซึ่งหากจำกันได้ ตนเป็นคนแรกๆเลยที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะล้มเหลวและจะเป็นพรรคต่ำร้อย โดยที่เตือนนี้ก็เพราะอยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์สามารถฟื้นฟูพรรคของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งเหมือนในสมัยของ นายชวน หลีกภัย หลังจากที่กลุ่ม 10 มกราแยกตัวไป
ส่วนพรรคภูมิใจไทยนั้น ส่วนตัวแล้วเห็นว่ามีโอกาสสูงที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล จะได้เป็น นายกรัฐมนตรี และ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง หากนายอนุทินจะรักษาคำพูดของตนที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง และยอมร่วมรัฐบาลกับฝั่งประชาธิปไตย หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ โดยอยากให้นายอนุทินได้ฟังเสียงของประชาชนจริงๆ ตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมของนายอนุทิน และคงจะไม่มีโอกาสแบบนี้บ่อยนักในชีวิต
การที่พรรคภูมิใจไทยได้เสียงเพิ่มขึ้นมาก แสดงถึงความไว้วางใจของประชาชนที่มีให้กับพรรคภูมิใจไทย เป็นจุดพลิกผันของพรรคหลังจากที่แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชาชน หากนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยรักษาภาพพจน์และคำพูดของตน โอกาสพัฒนาของพรรคภูมิใจไทยก็เป็นไปได้สูง และโอกาสที่นายอนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ก็เป็นไปได้อย่างมาก จึงอยากให้นายอนุทินพิจารณาให้ดี
ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องกลับมาพิจารณาตนเองว่าเหตุใดพรรคจึงได้ สส ต่ำกว่าการคาดหมายมาก ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่กลับประสพความสำเร็จอย่างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนตัวแล้วเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองไทยไปอย่างมาก จึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองได้ศึกษาแนวคิดของประชาชนผู้ลงคะแนนเสียงให้ดีเพื่อใช้พัฒนาพรรคการเมืองของตนเองต่อไป โดยอยากเห็นการพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไป ไม่ใช่พัฒนาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย