ปฏิรูปประเทศไทย นิรโทษกรรมประชาชน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
...นพ.ประเวศ วะสี
“สร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำ” คือเข็มทิศของการปฏิรูปประเทศไทย คณะกรรมการปฏิรูปทั้งสองคณะได้สัมผัสความทุกข์ยากของประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมนานัปการ ส่วนใหญ่เนื่องจากการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม คนเราเกิดมาย่อมมีสิทธิใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อดำรงชีวิต เช่น ที่ดิน ป่าไม้ แหล่งน้ำ เช่นเดียวกับการที่ต้องมีอากาศหายใจ ในครั้งโบราณไม่มีปัญหาอะไร เพราะชุมชนเป็นผู้ดูแลการใช้ร่วมกันอย่างเป็นธรรม เพราะชุมชนถือการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมเป็นสำคัญ ทั้งระหว่างคนกับคน และระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม ชีวิตและชุมชนจึงสมดุลมาช้านาน ต่อมารัฐใช้อำนาจมากขึ้น ออกกฎหมายยึดเอาทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นของรัฐ ไม่ใช่ของชุมชนอีกต่อไป สุดแต่รัฐจะจัดการให้ใครใช้หรือไม่ให้ใช้ แต่อำนาจรัฐรวมศูนย์ไม่สามารถจัดการการใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ทำให้ทรัพยากรร่อยหรอและเกิดความไม่เป็นธรรมอย่างมหาศาล เช่น เกษตรกรที่ทำหน้าที่ผลิตกลับไม่มีที่ดินสำหรับการผลิต ชาวบ้านที่เคยอยู่ในที่ของตัวเองมาแต่ปู่ย่าตาทวดต้องถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ของตัวเอง บางคนถูกจับ ถูกปรับ ถูกคุมขัง บางคนตายในคุกก็มี “การถูกจับเพราะบุกรุกที่ของตัวเอง” กลายเป็นวลีจากปากต่อปากที่สะท้อนความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ฝังลึกในจิตใจของผู้คน
การที่คนจนถูกจับด้วยเรื่องที่เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังนำไปสู่ความบีบคั้นอื่นๆ เป็นลูกโซ่ต่อไปอีกยืดยาว คือ ไม่มีเงินประกัน ต้องถูกขังคุกโดยไม่จำเป็น เสียโอกาสทำมาหากินทั้งๆ ที่ยากจนอยู่แล้ว ไม่มีเงินจ้างทนาย การต้องเสียค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางไปมาในกระบวนการดำเนินคดีอย่างยืดยาว เพิ่มความบีบคั้นกดดันทางเศรษฐกิจให้แก่คนจน ซึ่งในสภาพหาเช้ากินค่ำตามปกติที่ไม่ถูกดำเนินคดีก็ไม่ค่อยพอกินอยู่แล้ว
ความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในจิตใจของประชาชนจำนวนมากสั่งสมความแค้นไว้ในสังคม รอวันระเบิดใหญ่ ซึ่งระเบิดไปบ้างแล้วในหลายรูปแบบ
ทำไมในเมื่อมีการพูดกันถึงนิรโทษกรรมนักการเมืองที่ทำความผิดได้ หรือมีการนิรโทษกรรมคนที่ทำปฏิวัติรัฐประหาร เราจะนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้างไม่ได้หรือ
เรื่องนี้จะมีแต่ได้กับได้ (วินวิน) ที่ทุกฝ่ายได้หมด ทั้งประชาชนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จะมีความรู้สึกที่ดีต่อประเทศชาติและสังคมเป็นส่วนรวม เขาจะได้มีเวลาทำมาหากินเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ คุกก็ลดภาระลง พรรคการเมืองที่สนับสนุนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะได้คะแนนเสียง และเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะสังคายนาระบบความยุติธรรมครั้งใหญ่ เพราะการขาดความเป็นธรรมคือระเบิดเวลาลูกใหญ่ของสังคมไทย
คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปจึงเห็นควรนำเสนอเรื่องการนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนการสร้างความเป็นธรรมทั้งระบบ โดย
1.ขอให้ทุกชุมชนท้องถิ่นสำรวจประชาชนที่ถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเริ่มที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรก่อน
2.ขอให้กระทรวงยุติธรรมจัดตั้ง “ศูนย์ยุติธรรมชุมชน” ที่เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ผู้นำชุมชน ผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ สื่อสารมวลชน มาปรึกษาหารือกันว่าจะมีทางออกอย่างใดบ้างที่จะลดความทุกข์ยากของประชาชนที่เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม
3.เชิญผู้เชี่ยวชาญพิจารณาถึงมาตรการที่จะนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยคำนึงถึงว่าความยุติธรรมไม่ได้มีแต่ความยุติธรรมเชิงตัดสินลงโทษอย่างเดียว แต่มีความยุติธรรมเชิงฟื้นฟูบูรณะ (Restorative Justice) ด้วย เพื่อเป็นการฟื้นฟูบูรณะสังคม เพราะการตัดสินลงโทษอย่างเดียวในปัญหาที่สลับซับซ้อนอาจทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น และยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
4.นำร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเสนอต่อสื่อมวลชนและพรรคการเมืองทุกพรรค มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่มหาชนเห็นพ้อง ให้พรรคการเมืองไปดำเนินการผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยถ้วนหน้า
5.ให้มีการเยียวยาผู้ที่ถูกลงโทษโดยไม่เป็นธรรม ให้มีกำลังที่จะพัฒนาชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมต่อไป
6.ให้ร่วมกันทบทวนระบบความยุติธรรมทั้งหมดและปฏิรูประบบความยุติธรรม เพื่อสถาปนาระบบความยุติธรรมที่ยุติธรรม เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมต่อไป ข้อนี้พูดสั้นเพียงแค่นี้ แต่เป็นเรื่องใหญ่และยากมาก ต้องมีแรงหนุนจากประชาชนทั้งประเทศจึงจะมีพลังขับเคลื่อนไปได้
ขอให้เพื่อนคนไทยให้ความสนใจต่อการนิรโทษกรรมประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจงทั่วกัน