อัยการ-ตำรวจจัดประชุมใหญ่แก้ปัญหา "สำนวนคดีช้า-ตีกลับสำนวน"

14 มกราคม 2563

"อธิบดีอัยการคดีอาญา-นครบาล-กองปราบ" จัดประชุมร่วมนำร่องแก้ปัญหาคดี ตีกลับสำนวน-ส่งสำนวนช้า-ตามพยานคดีขึ้นศาล มั่นใจแก้ปัญหาให้ดีขึ้นประชาชนได้ประโยชน์

"อธิบดีอัยการคดีอาญา-นครบาล-กองปราบ" จัดประชุมร่วมนำร่องแก้ปัญหาคดี ตีกลับสำนวน-ส่งสำนวนช้า-ตามพยานคดีขึ้นศาล มั่นใจแก้ปัญหาให้ดีขึ้นประชาชนได้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 14 ม.ค.63 ที่ห้องประชุมชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก มีการประชุมบูรณาการ ความร่วมมือในการดำเนินคดีอาญาระหว่าง สำนักคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด -กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการปราบปราม โดยมี นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา , พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. , พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1, พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 , พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 , พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 พร้อมทั้ง พ.ตอ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน อัยการเข้าร่วมกว่า 100 คน

นายสิงห์ชัย กล่าวถึงวัตถุประสงค์การประชุมว่า การดำเนินคดีอาญาสำคัญกับทั้ง 3 หน่วยงาน ทุกภาคส่วนคาดหวังได้ความยุติธรรมจากพนักงานสอบสวนด้วยความรวดเร็ว ทันยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ที่ผ่านมาการทำงานของพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนมีอุปสรรคล่าช้า บางครั้งไม่เป็นไปตามข้อตกลง เกิดความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น จึงจัดการประชุมหารือแก้ไขปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการส่งสำนวน และการสั่งสำนวนที่ต้องทำให้มีความสมบูรณ์ รวมถึงการติดตามพยานมาเบิกความในชั้นศาล

“การประชุมหารือวันนี้เพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งเป็นการหารือระหว่างบุคลากรของอัยการและตำรวจนครบาลเขตพื้นที่ดำเนินคดีศาลอาญา ซึ่งเป็นเหมือนโครงการนำร่อง เพื่อบูรณาการหาทางออกร่วมกันที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรมทางด้านการสอบสวน การสั่งสำนวนและการดำเนินคดีในชั้นศาลที่จะให้เกิดความรวดเร็วและคล่องตัวขึ้น”นายสิงห์ชัย กล่าว

อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาให้ทำเป็นข้อตกลงหรือ MOU ร่วมกันระหว่าง 3 หน่วยงานว่า วัตถุประสงค์ที่เชิญตำรวจนครบาลและกองปราบปราม มาวันนี้เพื่อหารือแก้ไขข้อขัดข้องเกี่ยวกับเรื่องการอำนวยความยุติธรรม ซึ่งเป็นภารกิจหลักของสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนในการอำนวยความยุติธรรมให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

โดยเรามาร่วมหารือใน 3 หัวข้อ คือการส่งสำนวน การพิจารณาสั่งสำนวนในชั้นอัยการให้มีความสมบูรณ์ สอบสวนเพิ่มเติมให้น้อยที่สุด และกระบวนการสืบพยานในชั้นศาล ซึ่งเราจะหารือกับทางพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ และฝ่ายอัยการ เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหา หลังจากหารือในวันนี้เสร็จแล้วก็จะได้ข้อสรุปซึ่งอาจทำบันทึกข้อตกลงกัน เบื้องต้นระหว่างอัยการสำนักงานคดีอาญา ตำรวจนครบาลและตำรวจกองปราบปราม ซึ่งอาจจะเสนอให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้ง 3 หน่วยงานเพื่อทำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู ต่อไป

เมื่อถามว่า ในการแก้ปัญหาเรื่องการสั่งสำนวนจะมีแนวทางการให้พนักงานอัยการลงพื้นที่ร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนทุกคดี นอกเหนือจากคดีใหญ่ที่ปฏิบัติอยู่หรือไม่

นายสิงห์ชัย กล่าวว่า ปัจจุบันก็มีกฎหมายกำหนดให้ความผิดบางประเภทอัยการเข้าร่วมสอบสวนได้ เช่น ความผิดเกี่ยวกับเด็ก และความผิดนอกราชอาณาจักร ยังไม่ถึงกับร่วมสอบสวนทุกคดี ดังนั้นในการแก้ปัญหาพนักงานอัยการก็จะประสานกับพนักงานสอบสวน ว่าทำอย่างไรจะให้พยานหลักฐานสมบูรณ์ชัดเจนขึ้น

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ระบุว่า ในส่วนของสถานีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1,2,4,6 ที่มีจะมีคดีอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการคดีอาญารวมทั้งสิ้น 26 สถานีซึ่งเป็นสถานีขนาดใหญ่มีสำนวนคดีจำนวนมากจึงมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับการจัดทำสำนวนการสอบสวน รวมทั้งการประสานงานการปฏิบัติกับฝ่ายอัยการไปบ้าง ในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจัดการประชุม เพื่อแก้ไขปัญหาดังนี้ ปัญหาสำนวนการสอบสวนที่พนักงานอัยการไม่รับสำนวน การส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมล่าช้า การติดตามพยานบุคคลซึ่งศาลนัดพิจารณาคดี

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นมีการตั้งขณะทำงานร่วมกัน เพื่อติดตามประสานงานให้สำนวนสมบูรณ์ยิ่งขึ้นหรือไม่

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ปกติตำรวจและอัยการก็ประสานงานหารือร่วมกันอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจจะมีความล่าช้าเรื่องธุรการอยู่บ้าง เมื่อถามว่า ทางตำรวจมีประเด็นอะไรจะเสนอทางสำนักงานอัยการ ที่ควรจะปรับจูนการทำงานร่วมกันบ้าง ตอนนี้ตำรวจก็ได้รับความร่วมมือและคำแนะนำจากพนักงานอัยการอยู่แล้ว แต่เราจะทำให้รวดเร็วขึ้น แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าการทำงานของ 2 หน่วยงานมีปัญหาแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าต่อไปแนวทางการสอบสวนและการสั่งคดีร่วมกันของอัยการและตำรวจจะเป็นไปแนวทางเดียวกันหรือไม่

ผบช.น.กล่าวว่า ภายหลังที่ได้มีการหารือกันเสร็จสิ้นวันนี้แล้ว เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อัยการ-ตำรวจจัดประชุมใหญ่แก้ปัญหา \"สำนวนคดีช้า-ตีกลับสำนวน\"

Thailand Web Stat