ศาลยุติธรรมสั่งรักษาความปลอดภัยเข้มงวดทุกนัดที่พิจารณาคดีบรรยิน

นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมหากจะมีการเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาดูแลสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ จากเรือนจำ ไปศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในวันนัดตรวจพยานหลักฐาน วันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.นี้ว่า สำหรับพ.ต.ท.บรรยิน ปัจจุบันเป็นจำเลยใน 2 คดี คือคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ และคดีฆาตรกรรม นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจ ในศาลอาญาพระโขนง ซึ่งแผนรักษาความปลอดภัย แบ่งเป็น 2 ส่วน

โดยส่วนแรก คือ เจ้าพนักงานตำรวจศาล (คอร์ทมาแชล Court Marshal) ส่วนที่ 2 คือการประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยป้องกันเหตุร้าย หรือชิงตัวจำเลย ซึ่งเราดำเนินการไปทั้ง 2 ส่วน

"ส่วนต้องใช้กำลังแค่ไหน และเฝ้าระวังจุดไหนบ้างตรงนี้อยู่ในแผนรักษาความปลอดภัยที่จะต้องเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ผู้ประสงค์ที่จะก่อเหตุทราบถึงยุทธวิธี แต่เรามีการประเมิณสถานการณ์อยู่ตลอด"

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาหลายหน่วย ทั้งจาก บชน. , กองปราบปราม รวมถึงหน่วยพิเศษอื่น ซึ่งถือว่าเป็นแผนการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด และจะมาดูแลทุกนัดที่ พ.ต.ท.บรรยิน มาขึ้นศาล

เมื่อถามว่า ในทางข่าวกรอง มีการรายงานเบาะแสบ้างหรือไม่

นายสราวุธ กล่าวว่า ปกติเราจะได้รับรายงานข่าวกรองตลอดเวลา การเตรียมความพร้อมของสำนักงานศาลยุติธรรม มีการประสานทั้งหน่วยงานภายนอกรวมถึงการวางกำลังรักษาความปลอดภัยของเราเอง

เมื่อถามว่าที่ปรากฎเป็นข่าว พ.ต.ท.บรรยิน มีการวางแผนแหกคุก โดยจะใช้วิธีจับตัวประกันต่อรอง ซึ่งเป็นพฤติการณ์รุนแรงแบบเดียวกับเหตุที่จับตัวพี่ชายผู้พิพากษา จุดนี้ผู้พิพากษามีการหวั่นถึงความไม่ปลอดภัยหรือไม่

นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวย้ำว่า การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและอิสระ ส่วนการดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาเป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะต้องดูแลให้เกิดความปลอดภัยซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมก็พร้อมดำเนินการให้หากมีการร้องขอเข้ามา เรื่องการคุ้มครองดูแลผู้พิพากษาเราพร้อมดำเนินการทุกอย่าง