กรมคุกแจง"ศรีสุวรรณ"ห้ามขายบุหรี่-ยาเส้นตั้งแต่ปี62
กรมคุกแจง"ศรีสุวรรณ"ห้ามขายบุหรี่-ยาเส้นในเรือนจำ ตั้งแต่ปี62 ส่งผลกระทบนักโทษอื่น-ป่วยโรคเรื้อรัง ระบบเดินหายใจ-หลอดเลือดสมองตีบ ลดภาระค่ารักษาพยาบาล
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ยกเลิกนโยบายที่ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบและหรือยาเส้น ในร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งทั่วประเทศ โดยระบุว่า อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะบุหรี่หรือยาเส้นมิได้เป็นสิ่งต้องห้ามตามพรบ.ยาเสพติดฯ และเชื่อว่าการบังคับให้บุคคลเลิกสูบบุหรี่ไม่สามารถทำให้เลิกได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงอาจเป็นการเปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในเรือนจำนั้น ยืนยันว่า ก่อนที่จะมีนโยบายเลิกจำหน่ายบุหรี่ในเรือนจำได้มีการสำรวจผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศพบว่า ติดบุหรี่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์และส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังที่ไม่สูบบุหรี่เพราะสภาพภายในเรือนจำค่อนข้างแออัด และผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจก็ลดลง ลดปัจจัยคุกคามของโรคในกลุ่มผู้ต้องขังป่วยเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองตีบ ทำให้ลดภาระทางการรักษาพยาบาลลงอย่างมาก ซึ่งถือเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้ต้องขังเองและเป็นโอกาสในการเลิกบุหรี่
ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีโครงการนำร่องเพื่อทดสอบความเหมาะสมในการลด ละเลิกบุหรี่ของผู้ต้องขังตั้งแต่ ปี2547 จนถึง2562 ต่อมาจึงประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดเพิ่มเติมสถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ2562วันที่ เมื่อวันที่ 7 ก.พ 62 ให้ยกเลิกการจำหน่ายยาสูบและหรือบุหรี่ยาเส้นภายในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศโดยมีการรณรงค์อย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ในเรือนจำยังมีสถานพยาบาล และเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้การเลิกบุหรี่ส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังน้อยที่สุด
"ที่กล่าวว่าอาจเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ลักลอบนำบุหรี่มาจำหน่ายในเรือนจำ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถสูบบุหรี่หรือนำบุหรี่เข้าภายในเรือนจำ และทัณฑสถานได้ หากมีการลักลอบการกระทำดังกล่าวก็จะมีความผิดทางกฎหมายและผู้ที่ลักลอบนำเข้าจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างถึงที่สุดด้วย"อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว