"พิธา"ซัด "ประยุทธ์" ได้บริหารประเทศมากกว่านายกฯคนอื่น แต่ศก.ไทยพังยับ
"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ชี้พล.อ.ประยุทธ์ได้อภิสิทธิ์บริหารประเทศมากกว่านายกฯคนอื่น แต่ผลงานที่ได้กลับเป็นเศรฐกิจไทยรั้งท้ายในเอเชีย
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 63 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างปี 2540 กับปี 2563 คือ ปี 2540 เรายังมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง แต่วันนี้เรามีระบบการเมืองที่แข็งตัว นิ่งเฉย ไม่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่รุนแรงกว่าปี 2540 ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 เศรษฐกิจ การเมือง และการศึกษา นอกจากนี้ ปี 2563 เมื่อวิเคราะห์แล้ว เศรษฐกิจของประเทศไทยจะอยู่ลำดับบ๊วยที่สุดของเอเชียในสิ้นปีนี้
เหตุการณ์เฉพาะหน้ารัฐบาลได้ทำอะไร วันนี้กัปตันใส่เกียร์ว่าง ไม่รู้ร้อนรู้หนาว และยังใจเย็น รัฐบาลเลือดเย็นเกินไปหรือไม่กับความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั้น ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นนายกฯ สมัยแรก ตนคงจะวิจารณ์อีกอย่าง แต่ท่านยึดอำนาจและบริหารประเทศมาแล้วกว่า 5 ปีเต็ม เป็นนายกฯ ที่ได้อภิสิทธิ์บริหารประเทศมากกว่านายกฯ คนอื่นๆ มากกว่าผู้นำประเทศไหนๆ ไม่มีทั้งฝ่ายค้าน ไม่มีแรงต้าน ไม่มีการตรวจสอบ แต่ผลงานที่ได้มาคือ เศรษฐกิจรั้งท้ายเกือบบ๊วยที่สุดของเอเชีย ท่านมีโอกาสตลอด 5 ปี ไม่มีฝ่ายค้าน งบประมาณเต็มมือ แต่ท่านไม่ทำ
นายพิธา กล่าวอีกว่า เรามีนายกฯ ที่ไม่มีภาวะผู้นำ และยังอยู่ในระบบการเมืองที่บิดเบี้ยวที่สุด ไม่ต้องหลับตาก็นึกภาพออกว่ามันพังพินาศแค่ไหน รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์จัดตั้งรัฐบาลได้ก็เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะกติกาที่ท่านตั้ง 250 ส.ว.เพื่อมาเลือกท่านให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ดังนั้น รัฐธรรมนูญปี 2560 จึงไม่ได้มีไว้เพื่อแก้ปัญหาของสังคมไทยและรองรับอนาคต แต่เป็นเรื่องเฉพาะกิจเพื่อรักษาอำนาจของเครือข่ายพวกท่านให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจึงได้เห็นภาพการแย่งชิง การต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี รัฐบาลวุ่นวายอยู่กับการป้อนกล้วยให้งูกิน จนประเทศมองไม่เห็นอนาคต
นอกจากรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ยังไม่รับฟัง และนอกจากไม่รับฟังแล้วก็ยังคุกคาม ขยายความขัดแย้งไปในวงกว้าง ตนเกรงว่าจะกลายเป็นการยั่วยุท้าทายให้ประชานโกรธ เมื่อคู่ต่อกรเป็นนักเรียน ท่านจะต้องจับอีกสักกี่คนถึงจะเข้าใจว่าการคุกคามไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ท่านจะหันกระบอกปืนเข้าหาพวกเขาที่เป็นอนาคตของประเทศและมือเปล่าหรือไม่ หวังว่าท่านจะคิดได้และไม่ขาดสติจนนำประเทศไปถึงจุดนั้นอีก
นายพิธา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ฉุดรั้งอนาคตคนไทยไว้คือ ระบบราชการและระบบการศึกษา ระบบราชการไทยมีความแข็งตัวสูง เป็นระบบอุปถัมภ์ที่มีแต่พรรคพวก ไม่ยอมให้ใครล้ำเส้น เป็นระบบที่ล้าหลัง ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ขณะที่ระบบการศึกษาไทยก็ล้าหลัง และไม่เคยเปลี่ยน โรงเรียนจึงกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะระบบอำนาจนิยมที่แรกที่เด็กได้พบเจอ ทั้งการใช้อำนาจของครูกับลูกศิษย์ หรือรุ่นพี่ที่กดทับรุ่นน้อง
วันนี้นักเรียน นักศึกษาต้องการจะปลดแอกตัวเองจากระบบที่ห่วยแตกแบบนี้ เราต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เรายังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะเดินไปอย่างไร เพราะแม้แต่การจัดทำงบประมาณก็ยังทำเหมือนเดิม ระบบราชการยังคงรวมศูนย์ ระบบการศึกษายังไม่มีการปรับตัว สังคมไทยจึงมืดมิด เพราะท่านหวงแหนอดีตที่ทำให้ท่านได้ประโยชน์ แต่สร้างเวรกรรม ทำให้พวกเขาก้าวสู่อนาคตไม่ได้
ทั้งนี้ ไม่มีครั้งไหนที่นักเรียน นักศึกษาประท้วงรัฐบาลมาก และกระจายไปทั่วประเทศขนาดนี้ หยั่งรากลึกลงไปจนถึงระดับนักเรียนมัธยม ซึ่งถ้าท่านปฏิรูปประเทศจริงตั้งแต่ 6 ปีก่อน การชุมนุมของนักศึกษาจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เลิกดูถูก เลิกทวงบุญคุณว่าท่านเข้ามาบริหารประเทศเพราะอะไร เพราะคนที่ปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้นมาก็คือพล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ชัดเจนแล้วว่า ความวุ่นวาย ความสิ้นหวัง ความล้าหลังนั้น ใจความล้มเหลวมันอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ ท่านก็ควรหลีกทาง ลงจากอำนาจ คืนอนาคตให้กับประเทศชาติ ออกไปก่อนที่ประเทศจะย่อยยับเกินกว่าที่พวกท่านจะชดใช้ไหว