ตร.วิสามัญโจ๊กมือยิงน้องโตมี่
ตำรวจวิสามัญ "โจ๊ก" มือยิงน้องโตมี่เร่งล่า "จิ๊บ" หลังหลบหนีไปได้ ค้นแมนชั่นห้องพักพบปืน ยาบ้าเงินสดอีกนับล้าน อัศวินระบุคนร้ายเคยก่อเหตุยิงรถชาวบ้านมาแล้ว 4 ครั้ง
ตำรวจวิสามัญ "โจ๊ก" มือยิงน้องโตมี่เร่งล่า "จิ๊บ" หลังหลบหนีไปได้ ค้นแมนชั่นห้องพักพบปืน ยาบ้าเงินสดอีกนับล้าน อัศวินระบุคนร้ายเคยก่อเหตุยิงรถชาวบ้านมาแล้ว 4 ครั้ง
ตำรวจอยุธยาวิสามัญฆาตรกรรมนายชาญชัย หรือ โจ๊ก ประสงค์ศิล อายุ 29 ปี ผู้ต้องสงสัยที่คาดว่า เป็นหนึ่งในคนร้ายลงที่มือยิงด.ช.โภคิน ดีผิว หรือ น้องโตมี่ อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เหตุวิสามัญฆาตกรรม เกิดขึ้นที่บริเวณอาคาร สมายด์แมนชั่น 1 หมู่ 4 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะตำรวจนำกำลังเข้าปิดล้อมผู้ต้องสงสัย2คน และเกิดการต่อสู้ขัดขวางการจับกุม อย่างไรก็ตาม นายนพพล หรือจิ๊บ ไผ่เขียว ประสงค์ศิล อายุ 23 ปี น้องชายของผู้ตาย หลบหนีการจับกุมไปได้
ต่อมาตำรวจเข้าตรวจค้นห้องบนชั้น7 ของอาคาร สมายด์แมนชั่น 1 ที่ห้องหมายเลข 4701, 4703 และ 4707 ซึ่งเป็นห้องที่คนร้ายทั้ง 2 ได้เช่าเอาไว้ เพื่อพักอาศัย ภายในห้องตำรวจ พบอาวุธปืนขนาดต่างๆ จำนวน19กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนมาก เงินสดบรรจุกล่องกระดาษ และเงินสดในกระเป๋า จำนวนหลายล้านบาท พร้อมยาบ้า 17 มัด ยาไอซ์ 1 กล่อง นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นรถยนต์อีก 2 คัน พบอาวุธปืน และยาเสพติด
ด้านพล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่า นายโจ๊ก หรือ นายชาญชัย เป็นคนลงมือยิงยิงน้องโตมี่ จึงได้ทำการดักซุ่มที่แมนชั่นระหว่างคนร้ายได้เดินลงมาจากห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จึงเกิดการปะทะกัน ส่งผลให้นายโจ๊ก เสียชีวิตส่วนนายจิ๊บ หนีไปได้ และผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าตำรวจ ในพื้นที่ปทุมธานีด้วย
การจับกุมครั้งนี้ตำรวจ ใช้กำลังกว่า 100 นาย นายโจ๊กได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าตำรวจเพื่อหลบหนี ตำรวจจึงยิงป้องกันตัว กระสุนไปถูกนายโจ๊ก เสียชีวิต พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.กล็อค 1 กระบอก บรรจุ 26 นัด ปืนกล ขนาด.45 มม. 1 กระบอก ปืนสั้น ออโตเมติก .45 มม. 1กระบอก กระสุน 31 นัด เงินสด57,600 บาท
นอกจากนี้ จากการตรวจห้องพัก ยังพบอาวุธปืนขนาดต่างๆอีก 16 กระบอก คือปืนกล็อก 3 กระบอก กระสุนปืนขนาดต่างๆ 953 นัด ยาบ้า32,608 เม็ดยาไอซ์ จำนวน37.88 กรัม ตู้เซฟ 1 ตู้ ทองรูปพรรณหนักกว่า 8 บาท เงินสด 2,374,190 บาท ซุกซ่อนอยู่ในลังเบียร์และกระเป๋าเดินทาง มีบางส่วนเป็นธนบัตรปลอม รถยนต์ 3 คัน
เจ้าหน้าที่ยังได้ เข้าตรวจบ้านพักของนายโจ๊ก ที่บริเวณม.4 ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน พบรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ยี่ห้อต่างๆ 13 คัน รถจักรยานยนต์แบบกึ่งวิบาก 4 คัน อาวุธปืนลูกซองยาว 4 กระบอก กระสุน 17 นัด ตู้เซฟ1 ตู้ ยาบ้าจำนวนหนึ่ง เครื่องนับเงินสด 1 เครื่อง แผ่นป้ายทะเบียนรถชนิดต่าง ๆ 7 แผ่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดตู้เซฟ พบเงินสดอีก 6,007,200 บาท รวมเป็นเงินสด 8,381,390 บาท นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือจำนวน12 เครื่อง กล้องถ่ายรูป สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ 8 เล่ม มีเงินหมุนเวียนกว่า 3 ล้านบาท เป็นของนายโจ๊กและนายจิ๊บ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยึดรถเอาไว้ตรวจสอบ สำหรับพี่น้องคู่นี้นับว่าเป็นพ่อค้ายาบ้าที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง
ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา สบ.10 และรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า ตำรวจมีหลักฐานว่าทั้ง 2 คน เป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงถล่มรถเก๋งยาริสสีขาว จนทำให้น้องโตมี่ เสียชีวิต โดยผู้ที่ลงมือยิงถล่มรถเก๋ง คือนายชาญชัย ประสงค์ศิลป์ หรือ โจ๊ก ไผ่เขียว ส่วนคนที่ขับรถคือนายนพพล ประสงค์ศิลป์ หรือ จิ๊ป ไผ่เขียว
หลักฐานที่นำไปสู่กับวิสามัญในครั้งนี้ คือปลอกกระสุนปืนที่ นายนพพล ประสงค์ศิลป์ หรือ จิ๊ป ไผ่เขียว ยิงขึ้นฟ้าบริเวณหน้าโรงเรียนเสริมมิตร ในเขตชุมชน ไผ่เขียว เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นตำรวจได้เก็บปลอกกระสุนปืนไว้ เพราะมีพลเมืองดีแจ้งเข้ามา
กระทั่งมีการนำปลอกกระสุนปืนซึ่งตกในที่เกิดเหตุคดีคนร้ายยิงถล่มรถเก๋งยาริส สีขาว คืนวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมาแล้วนำมาเปรียบเทียบกับปลอกกระสุนปืนในคดีที่เกิดขึ้นของท้องที่สถานีตำรวจภูธรพระอินราชา และตำรวจภูธรบางปะอินจึงพบว่าเกลียวปลอกกระสุนปืนที่ยิงออกไปมาจากคดีเดียวกันจึงนำมาสู่การติดตามจับกุมในครั้งนี้
สำหรับสาเหตุของการยิงถล่มรถเก๋งในครั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า เกิดจากความคึกคะนองของทั้ง 2 คน เนื่องจาก นายโจ๊ก
และนายจิ๊ป 2 พี่ - น้อง จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะขับกลับบ้านที่ประตูน้ำพระอินทร์ โดยใช้ถนนสายเอเชียเป็นประจำ และจะเกิดอารมโมโหทุกครั้งที่มีประชาชน ขับรถปาดหน้า ไป - มา จึงตัดสินใจยิงเข้าใส่รถคันดังกล่าว
ทั้งนี้พบว่า ทั้ง 2 คนก่อเหตุยิงปืนเข้าใส่ชาวบ้านที่ขับรถจักรยานยนต์บนถนนโรจนะ มาแล้ว 4 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.อัศวินฯ กล่าว่า การติดตามตัวนายจิ๊ปนั้นตำรวจยังคงติดตามต่อไป และยังฝากไปถึงญาติของนายจิ๊ปด้วยว่า
หากพบเบาะแสของให้พาเข้ามอบตัว เพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตรายเนื่องจากมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ และหากถูกตำรวจจับกุมและต่อสู้ ก็จำเป็นที่จะต้องป้องกันชีวิตตำรวจไว้
สำหรับความคืบหน้าในการตามหาจิ๊บ ไผ่เขียว ตำรวจ 50 นายกกระจายกำลังลงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบ้านญาติ แหล่งกบดาน เครื่อข่ายยาเสพติด แต่ยังไม่พบตัว