posttoday

กองทัพ ตั้งเป้าใช้ระบบ "ทหารกองประจำการอาสา" แทน การเกณฑ์ทหาร

26 มกราคม 2564

กองทัพเดินหน้าใช้ระบบ "ทหารกองประจำการอาสา" ทดแทนการเรียกเกณฑ์ เปิดรับสมัครออนไลน์เฉพาะชายไทยอายุ 18-20ปี และ 22-29ปี ยันไม่มีคัดกรองเรื่องแนวคิดทางการเมือง

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 64 พันเอก หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า กองทัพบกเดินหน้าพัฒนาการตรวจเลือกทหารกองประจำการ มุ่งสู่ระบบ "ทหารกองประจำการอาสา" ทดแทนการเรียกเกณฑ์ ให้เป็นรูปธรรมในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระทรวงกลาโหมด้านการปฏิรูปของกองทัพและเพิ่มความหลากหลาย รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้ชายไทยสมัครเป็นทหาร

ในการตรวจเลือกทหารฯปี 2564 กองทัพบกได้ริเริ่มการรับสมัครทหารกองเกินเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ เป็นการรับสมัครเฉพาะชายไทยอายุ 18-20 ปี ซึ่งเกิดปี 2544-2546 ผู้ที่ยังไม่ถูกเรียกเข้าเป็นทหารกองประจำการ และทหารกองเกินที่มีอายุ 22-29 ปี ซึ่งเกิดปี 2535-2542 ที่เคยเข้ารับการตรวจเลือกทหารแล้ว แต่ไม่ถูกเข้าประจำการ เพราะจับสลากได้ใบดำ หรือคนที่ได้รับการปล่อยตัวเพราะมีคนร้องขอพอ ให้สามารถสมัครเป็นทหารกองประจำการได้เป็นกรณีพิเศษ

โดยเป็นการรับสมัครก่อนการตรวจเลือกฯ ตามปกติ และใช้ช่องทางการสมัครผ่านทางระบบ ออนไลน์ ที่ www.rcm64.rta.mi.th ระหว่างวันที่ 1-28 ก.พ. 2564 หรือการสมัครด้วยตนเองโดยมีหน่วยทหารอำนวยความสะดวก นำลงข้อมูลในระบบออนไลน์ให้ สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจเลือกทหารฯ เช่น ไม่จำกัดคุณวุฒิ ไม่จำกัดภูมิลำเนาทหาร มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร เป็นต้น

โดยกองทัพบกกำหนดจำนวนรับสมัครไว้ประมาณ 10,000 อัตรา และ หลังจากสมัครทางออนไลน์แล้ว ระบบจะแจ้งให้ผู้สมัครได้นำเอกสารหลักฐานไปรายงานตัวต่อคณะกรรมการคัดเลือกในวันที่ 5 มี.ค. 2564

ซึ่งกองทัพบกจะดำเนินการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติและร่างกายที่เหมาะสมต่อการเข้ารับราชการทหาร ณ มณฑลทหารบก 35 แห่งทั่วประเทศ โดยมีผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ร่วมเป็นกรรมการคัดเลือก พร้อมประกาศผลผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรวมถึงหน่วยที่ตนเองจะต้องเข้าประจำการในวันดังกล่าว และจะได้รับการบรรจุเข้าประจำการในผลัดที่ 1/64 คือ ในเดือนพ.ค. 2564

ทั้งนี้กระบวนการรับสมัครและคัดเลือกจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยก่อนการตรวจเลือกทหารฯ ในระบบปกติ โดยผู้ที่สมัครเป็นทหารด้วยวิธีพิเศษนี้สามารถใช้สิทธิ์ลดเวลาประจำการตามวุฒิการศึกษา สามารถเลือกหน่วยทหารที่ตนเองประสงค์เข้าประจำการได้เฉพาะหน่วยทหารของกองทัพบก และต้องอยู่ในมณฑลทหารบกในพื้นที่ตามภูมิลำเนาทหาร

หากรับราชการทหารครบ 2 ปี และมีคุณสมบัติครบตามที่ทางราชการกำหนด มีสิทธิ์ในโควตาเฉพาะอีกส่วนหนึ่งในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก ตามที่กองทัพบกจัดสรรให้

ซึ่งปัจจุบันกองทัพบกจัดสรรโควตาให้ทหารกองประจำการในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบกร้อยละ 80 และรับจากบุคคลพลเรือนร้อยละ 20

นอกจากนี้ผู้ที่สมัครเป็นทหารจะได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษ 15 เปอร์เซ็นต์ในการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการในสังกัดกองทัพบก รวมทั้งจะได้รับสิทธิสวัสดิการ ค่าตอบแทนเช่นเดียวกับทหารกองประจำการปกติ

อย่างไรก็ตาม การรับสมัครทางออนไลน์เป็นกรณีพิเศษนี้ รับเฉพาะผู้ที่มีอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ และผู้ที่เคยผ่านการตรวจเลือกทหารมาแล้วเท่านั้น

สำหรับผู้ที่มีอายุ 21 ปี ซึ่งจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารในปีนี้ไม่สามารถสมัครทางออนไลน์ได้ ต้องเข้ารับการตรวจเลือกตามกระบวนการปกติประมาณเดือนเมษายน 2564 ดูรายละเอียดและสอบถามเพิ่มเติมที่ https://sassadee.rta.mi.th  โทร. 0-2223-3659 หรือเฟซบุ๊กกองการสัสดี

ทั้งนี้กองทัพคาดหวังว่าจะมีผู้สนใจและมาสมัครกรณีพิเศษตามโครงการนี้ประมาณ 1 หมื่นคน และหากวัดตามยอดของผู้สมัครในช่องทางตรวจเลือกปกติช่วงเดือนเม.ย.ของปีที่แล้วที่มียอด 4 หมื่นคน ประมาณการของผู้สมัครใจในปีนี้จึงน่าจะได้มากถึง 5 หมื่นนาย ซึ่งจะทำให้มากกว่าครึ่งหนึ่งจากยอดความต้องการของแต่ละปีที่กองทัพบกต้องการทั้งหมดประมาณ 8 หมื่นนาย ส่งผลให้การเรียกเกณฑ์จะเหลือยอดแค่ 3 หมื่นนาย

ส่วนการคัดเลือกต้องทดสอบทัศนคติทางการเมืองหรือไม่นั้น พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า เราจะคัดเลือกจากสมรรถภาพร่างกาย จิตใจ เป็นหลัก แต่เรื่องของทัศนคติทางการเมืองไม่ได้นำมาเป็นนัยสำคัญ เหมือนการตรวจเลือกปกติทั่วไปที่ไม่ได้ถามว่า ชอบ ชัง หรือชื่นชมคนใดเป็นพิเศษ แต่ดูว่ามีสภาพจิตใจที่สมบูรณ์หรือไม่ ไม่เหมือนการสมัครเป็นนักเรียนนายสิบหรือ นักเรียนเตรียมทหาร เราจะต้องดูทัศนคติที่ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ทั้งหมดนี้จะเข้าสู่ระบบทหารอาสาชัดขึ้น กองทัพก็เพิ่มเติม เสริมมาตรการ จนทำให้คนอยากเป็นทหารมากขึ้นเรื่อยๆ บนพื้นฐานที่เราได้บุคลากรที่มีความมั่นคง ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน และค่าตอบแทน แต่จะเสริมสร้างให้เกิดความมั่นคงในการรับราชการทหาร ซึ่งจะมั่นคงมากกว่าการใช้กระบวนการจูงใจแบบชุดเดียวที่อาจจะทำให้คนมาสมัครเยอะแค่ 1-2 ปีแรก แต่สุดท้ายก็ฟุบหายไป กองทัพก็จะต้องมาแก้ไขปัญหาอีก เชื่อว่าเมื่อเราเติมโครงการเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้เกิดระบบทหารอาสา โดยในอนาคตไม่ต้องเรียกเกณฑ์เลยก็ได้”

ส่วนในอนาคตจะมีการยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่นั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ระบบการตรวจเลือกทหารยังคงต้องดำรงอยู่ จะไปล้มการตรวจเลือกไม่ได้ เพราะว่าเป็นไปตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.เกณฑ์ทหาร 2497แต่วิธีการเท่านั้นที่ต้องมีการปรับโดยเน้นความสมัครใจเข้ามา ที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่นกรณีของผู้ที่มีเพศกำเนิดที่ไม่ตรงกับเพศสภาพ ซึ่งเราได้แก้ไขปัญหาจนในที่สุดไม่มีปัญหาดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่ากองทัพรับฟัง และพร้อมปรับไปตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น