ศบค.เผยต่างจังหวัดพบผู้ติดโควิดเดินทางจากกทม.-ปริมณฑลมากขึ้น
ศบค.เผยหลายจังหวัดพบผู้ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากกทม.-ปริมณฑลมากขึ้น ย้ำแต่ละจังหวัดต้องเข้มเรื่องเฝ้าระวังหลังศักยภาพของระบบสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่เริ่มตึง
เมื่อวันที่ 26 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด19ในวันนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อสูงสุดที่ 2,573 ราย และจำนวนดังกล่าวยังไม่นับรวมผลตรวจจาก Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งคาดว่าจะมีอีกกว่าพันราย รองลงมา คือ สมุทรสาคร 1,074 ราย สมุทรปราการ 970 ราย ชลบุรี 867 ราย นนทบุรี 719 ราย ระยอง 411 ราย ฉะเชิงเทรา 320 ราย นครปฐม 311 ราย ปทุมธานี 301 ราย และพระนครศรีอยุธยา 290 ราย
"ถ้าเทียบตัวเลขติดเชื้อรวมทั้งประเทศ จะเห็นว่าตอนนี้อัตราส่วนของกทม.และปริมณฑล เป็น 41% ส่วนต่างจังหวัด เมื่อก่อนตัวเลขเคยเล็ก แต่ตอนนี้แซงเกิน กทม.ไปแล้ว มาอยู่ที่ 59%" พญ.อภิสมัย กล่าว
ขณะที่ผู้เสียชีวิตค่อนข้างกระจายอยู่ในทั่วประเทศไม่ได้อยู่เฉพาะกทม.-ปริมณฑล หรือในพื้นที่สีแดงเข้มเท่านั้น ที่สำคัญการเสียชีวิตยังอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว มีระยะเวลาการนอน รพ.นานขึ้น และมีรายงานผู้เสียชีวิตที่บ้าน 5 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในต่างจังหวัดเริ่มมีการรายงานผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจาก กทม.และปริมณฑลมากขึ้น จึงทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น เช่น น่าน พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท ขอนแก่น นครราชสีมา มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานี
ดังนั้นจากนี้จึงมีความจำเป็นต้องให้ในต่างจังหวัดเริ่มทำระบบการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือแยกกักในชุมชน (Community Isolation : CI) เช่นเดียวกันกับที่กทม.และปริมณฑลดำเนินการอยู่ ทั้งนี้เพื่อช่วยแบ่งเบาระบบสาธารณสุขที่บางแห่งอยู่ในภาวะที่ตึงตัวแล้ว
"การจัดการในพื้นที่หลายๆ จังหวัดเหล่านี้ที่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นคนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม ต้องเน้นย้ำให้จังหวัดเหล่านี้ต้องเฝ้าระวัง เพราะแต่ละจังหวัดศักยภาพของระบบสาธารณสุขเริ่มตึง อัตราครองเตียงบางจังหวัดขึ้นไปถึง 70% มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น และบางจังหวัดมีนโยบายรับผู้ป่วยจากกทม.ไปรักษาตัวที่บ้าน จึงต้องย้ำ สสจ. ผู้ว่าฯ ให้ระบบสาธารณสุขคัดกรองประชาชนที่เดินทางเข้าพื้นที่อย่างเคร่งครัด จัดระบบการรักษาในส่วนของการเปิดแยกกักในชุมชน แยกกักที่บ้านไว้รองรับ ต้องทำเหมือนในกทม." ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าว
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดประจำวันที่ 26 ก.ค. 64
-พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15,376 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 11,064 ราย, จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 3,257 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 1,041 ราย, ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 14 ราย โดยในจำนวนนี้ มาจากรัสเซีย 1 ราย, สวิสเซอร์แลนด์ 1 ราย, มาเลเซีย 10 ราย เป็นการลักลอบเดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ และอีก 2 รายมาจากกัมพูชา ลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติเช่นกัน
-เสียชีวิตเพิ่ม 87 ราย แยกเป็นเพศชาย 52 ราย เพศหญิง 35 ราย อายุระหว่าง 28-96 ปี (อายุเฉลี่ย 64 ปี) ส่วนใหญ่เป็นผู้มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วน เป็นต้น
-ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 4,146 ราย
-ผู้ป่วยรักษาอยู่ 167,057 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 96,038 ราย โรงพยาบาลสนาม 71,019 ราย
-ผู้ป่วยอาการหนัก 4,289 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 967 ราย
-จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 512,678 ราย
-มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 341,475 ราย เพิ่มขึ้น 6,782 ราย