posttoday

"อนุทิน" ยันไม่ดองวัคซีนไฟเซอร์ การบริจาคมีขั้นตอน

24 กันยายน 2564

รมว.สาธารณสุข ย้ำ ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็ม 3 ปลอดภัยแน่นอน ยืนยันรัฐมนตรีไม่ดองวัคซีนไฟเซอร์ การบริจาคมีขั้นตอน

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 64 ที่ศูนย์กลางบางซื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.สาธารณสุข เดินทางลงพื้นที่ตรวจดูการฉีดวัคซีน พร้อมเปิดเผยถึงการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ว่า จะฉีดให้กับประชาชนที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มเมื่อเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เพื่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์ เดลตา ซึ่งบูสเข็ม3ด้วยวัคซีนยี่ห้อเอสตราเซเนก้า ที่ผ่านการศึกษาวิจัยแล้วว่าจะทำให้เพิ่มภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่ฉีดซิโนแวค2เข็มเกิดความมั่นใจว่าปลอดภัยแน่นอนและหากติดเชื้อก็จะไม่ป่วยหนักถึงขั้นเสียชีวิตเป็นเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลที่จะทำให้ประชาชนปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้

นายอนุทิน กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมามั่นใจว่าการให้บริการและการกระจายฉีดวัคซีนไปตามจุดต่างๆประกอบกับจำนวนวัคซีนที่เข้ามาเป็นไปตามสัญญาไม่มีความล่าช้าเชื่อว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถฉีดได้ตามเป้า 7-8แสนโดสต่อวัน ย้ำว่าวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรและจัดซื้อมาทันเวลาที่กำหนดไว้แน่นอน ภายในสิ้นปีนี้ทุกอย่างจะจบเป็นไปตามแผนทุกประการ และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้มากที่สุดทำให้เกิดภูมิคุ้มกันเมื่อประชาชนมีเกราะป้องกันการติดเชื้อ แพร่เชื้อประกอบกับเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสแล้วก็จะทำให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเร็ว ไม่จำเป็นต้องกลัวโควิด เพราะมีเกราะป้องกันที่สามารถอยู่กับโควิดได้ขอให้อย่าไปกลัวจนทำอะไรไม่ได้

ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามาจำนวน 2 ล้านโดสในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เป็นการตัดสินใจสั่งซื้อเมื่อ 6 เดือนที่แล้วเพราะสามารถฉีดในเด็กได้ ดังนั้นก็จะพิจารณาฉีดให้กับเด็กก่อนซึ่งเป็นไปตามที่มีการหารือร่วมกัน ส่วนคนทั่วไปที่เป็นกลุ่มเสี่ยงไม่สามารถรับวัคซีนที่แบบไวรัลแวกเตอร์ได้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยอีก 1 ล้านโดส แต่ไทยยังไม่ลงนามรับวัคซีนนั้น ยืนยันว่าไม่จริง รัฐบาลไทยไม่ได้ล่าช้าในการตอบรับวัคซีน เนื่องจากยังไม่ได้รับจดหมาย หรือหนังสือแสดงความจำนงจากสหรัฐอเมริกา เรื่องการประสานงานระหว่างประเทศมีขั้นตอน ทั้งขั้นตอนทางการทูต และการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ได้เป็นเรื่องของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นเรื่องระดับประเทศทุกอย่างต้องเป็นตามขั้นตอนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และย้ำว่ากระทรวงต่างประเทศก็ทำหน้าที่ได้ดีโดยตลอดการนำเสนอเจตนารมณ์ที่จะบริจาควัคซีนหรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์จากต่างประเทศช่องทางแรกที่จะติดต่อคือต้องผ่านสถานเอกอัครราชทูต และแจ้งมาที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อลงนาม โดยเฉพาะการสละสิทธิ์ในการเรียกร้องหากมีความเสียหายเกิดขึ้น และทุกครั้งที่ผ่านมาที่มีการบริจาค ขั้นตอนทั้งหมดก็ทำเสร็จภายใน 3 สัปดาห์ และไม่เกิน 1 เดือน เวชภัณฑ์ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงประเทศไทยทุกครั้งทั้งวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่รับมา หรือวัคซีนแอสตราเซนเนกา จากประเทศอังกฤษหรือญี่ปุ่น แล้วถ้าวัคซีนไฟเซอร์ 1 ล้านโดสที่ ส.ว.แทมมี พูดถึง ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางการทูตก็จะใช้ระยะเวลา 3 สัปดาห์เช่นกัน ยืนยันว่ารัฐมนตรีไม่มีหน้าที่ดองวัคซีนมีแต่จะรีบอ่านเอกสารและเซ็นเพื่อให้วัคซีนมาถึงประเทศไทยให้เร็วที่สุด