โฆษก บช.น. เผยความคืบหน้า แจ้งข้อหาเพิ่ม "เสี่ยเบนท์ลีย์" หลังพบสารเสพติด
โฆษก บช.น. เปิดเผยความคืบหน้า กรณีอุบัติเหตุรถหรูเฉี่ยวชนบนทางด่วนว่า อยู่ระหว่างเรียก เสี่ยเบนท์ลีย์ แจ้ง 3 ข้อหาเพิ่ม หลังพบสารเสพติดในเลือด
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงข่าวชี้แจงกรณีเหตุรถเบนท์ลีย์ เฉี่ยวชนรถยนต์ของผู้อื่นเป็นเหตุได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร เมื่อกลางดึกวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้แถลงความคืบหน้า ให้ทราบเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2566 ไปแล้วนั้น
ล่าสุด จากการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พบว่า ผลการตรวจเลือดของผู้ต้องหา มีสารเสพติด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแพทย์ผู้ตรวจประกอบไว้เรียบร้อยแล้ว กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการเพิ่มเติม โดยขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเรียกตัวผู้ต้องหามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหา ได้แก่
1. เสพวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยผิดกฎหมาย
2. เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย
เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
3. ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สิน
สำหรับกรณีข้อหา "เสพวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยผิดกฎหมาย ซึ่งอยู่นอกอำนาจการสอบสวนของงานควบคุมจราจรทางด่วน 1 นั้น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องของความเร็วนั้น อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐาน หากพบว่าเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป สำหรับกรณีการตรวจสอบรถยนต์เบื้องต้น พบว่ามีการจดทะเบียนถูกต้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจของกองพิสูจน์หลักฐานเช่นเดียวกัน ว่ามีการปลอมแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งหรือไม่