posttoday

'อิทธิพร บุญประคอง'เผยนับคะแนนใหม่47หน่วยไม่กระทบที่นั่งส.ส.

09 มิถุนายน 2566

อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.เมิน14ล้านเสียงกดดันเร่งรับรองผลเลือกตั้งส.ส.ยันทำตามกรอบ60วัน ส่วนพิธาถือหุ้น iTV อยู่ระหว่างถกคำร้องให้ความเห็นไม่ได้

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวถึงการนับคะแนนใหม่ทั้ง 47 หน่วยว่า เป็นมติของ กกต.ที่ได้มีการประชุม โดยเห็นว่ามีบัตรกับคนมาใช้สิทธิ์ที่เท่ากัน แต่คะแนนไม่ตรงกัน อาจจะผิดพลาดในการขีดคะแนน จึงได้มีการให้นับคะแนนใหม่ และส่งกลับมาให้ กกต.อีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ยังมีบางหน่วยที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ อาจจะมีการนับคะแนนใหม่ได้เพิ่มเติม โดยการนับคะแนนใหม่ไม่ส่งผลต่อ การเปลี่ยนแปลงว่าที่ ส.ส. เนื่องจากการนับเพียงแค่ 47 หน่วยเป็นการนับที่น้อยมาก หากเปรียบเทียบกับหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด กว่า 95,000 หน่วย

ส่วนถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ส.ส. กฎหมายให้อำนาจ กกต.ในการ วินิจฉัยว่า ไม่ต้องนับคะแนนใหม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า นี่เป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่จะใช้เวลามีบัตรเขย่ง หรือที่เรียกว่าบัตรกับคนมาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน ก็จะให้กกต.ใช้ดุลพินิจดูว่า คะแนนเขตนั้น ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งก็อาจจะให้ยุติเรื่องได้ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับที่สั่งนับใหม่ในตอนนี้
 

ส่วนที่มีข้อเรียกร้องให้ทยอยประกาศรับรอง ส.ส. นายอิทธิพร กล่าวว่า ทำไม่ได้ ซึ่งตามกฎหมายการประกาศรับรองส.ส.ต้องรับรองทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 95 เพราะฉะนั้นจะทยอยประกาศเป็นรายบุคคลไม่ได้ สำหรับจำนวน ส.ส.ที่โดนร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง มีคนใดที่เข้าข่ายที่จะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนก็ตอบไม่ได้ เพราะเป็นคำร้องที่ต้องดูว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับต้องให้กกต.ตัดสินใจแต่ถ้ารับแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่ส่วนตามระเบียบ

นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้การตรวจสอบคำร้องมีความคืบหน้า จะเห็นได้จากในการสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น กกต.ต้องได้รับฟังรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารจากแหล่งอื่นๆร วมถึงกระบวนการคำร้องด้วย ถ้ากระบวนการเหล่านี้เสร็จ ก็สามารถประกาศผลได้เลย และกฎหมายกกต.จะต้องประกาศผลโดยเร็วแต่ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งเชื่อว่ากระบวนการที่ทำขณะนี้การประกาศผลรับรองส.ส.จะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนใน วันประกาศรับรองส.ส.

นายอิทธิพร กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าคำร้องของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีการถือหุ้นสื่อว่า ขณะนี้มีทั้งหมด 3 คำร้อง ซึ่งได้เชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำและยื่นหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงาน กกต.เสนอให้ กกต.พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง หากเป็นคดีความปรากฏ ถ้าไม่รับเรื่องจะจบไป แต่ถ้ารับจะเข้ากระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน แล้วค่อยเรียกผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำ

สำหรับคดีหุ้นจะทำให้นายพิธา ถูกแขวนจนไม่ได้รับรองเป็น ส.ส. ในสัดส่วน 95% แรกหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังพูดอย่างนั้นไม่ได้ เรายังไม่ถึงจุดที่ว่า รับคำร้องของนายพิธาไว้พิจารณา ถ้ารับแล้วกระบวนการสืบสวนไต่สวนต้องใช้เวลา อยู่เหมือนกัน เพราะในกระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมต้องใช้เวลายังไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่มีประเด็นอะไรที่มาขวางการประกาศผล

เมื่อถามอีกว่า ข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดคุณสมบัติของสมาชิก ต้องมีคุณสมบัติ ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง หากนายพิธา ถูกชี้ว่าถือหุ้นสื่อ จะส่งผลต่อผู้สมัคร ส.ส.ที่เซ็นรับรองหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการพิจารณา ยังให้ความเห็นไม่ได้ ต้องให้ กกต.ทั้งคณะพิจารณา

ส่วนกรณีที่ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 14 ล้านเสียง ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล กดดันให้มีการรับรอง ส.ส.จะส่งผลต่อการทำงาน กกต.หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า กกต.ต้องทำงานตามกฎหมาย และรับทราบสิ่งที่ประชาชนส่วนหนึ่งมีความเห็น แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติไม่สามารถที่จะละเว้นการปฏิบัติงานได้

"ยืนยันว่าจะมีการประกาศผลตามกรอบภายใน 60 วันและมั่นใจว่าจะเร็วกว่าครั้งที่ผ่านมา และไม่ได้กังวล หรือกดดัน เพราะเรามีหน้าที่ต้องทำงาน ทั้งสำนักงานกกต.และกกต.ทุกคนต้องทำงานกกต.รับทราบความคิดเห็นของกลุ่มคนที่สนับสนุนใครเป็นยังไง ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงทำงานไม่ได้" นายอิทธิพร กล่าว

ส่วนกรณีที่นายพิธา จัดเตรียมหรือองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ไม่อิสระ และถูกครอบงำ นายอิทธิพร กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์เสนอความเห็นและผลักดันให้เป็นไปตามนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับ กกต. เพราะ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น