มุมมองกฎหมาย การเมือง จรัญ ภักดีธนากุล วิเคราะห์คดีหุ้นสื่อ สถานะ พิธา

วันที่15มิ.ย. นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์รายการคมชัดลึก ทางช่องเนชั่นทีวี22 ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่ คดี iTV สกัดโหวต นายกฯ’ ตอนหนึ่งว่า

 

เมื่อมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ ถ้าศาล รับแล้วสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว สามารถนำชื่อ นายพิธา ไปโหวตในที่ประชุมรัฐสภาได้หรือไม่
 
ในฐานะส.ส.ถ้าศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. เข้าประชุมสภา ในฐานะส.ส.ไม่ได้ อันนี้ค่อนข้างเป็นประด็น เป็นเหตุการณ์ที่เคยปฏิบัติมาแล้ว ถ้ามีคนค้าน ประธานก็ต้องขอให้เชิญออก เพราะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ได้ ส่วนตำแหน่งแคนดิเดตฯนายกฯ ศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะยังไม่ได้ทำหน้าที่อะไร รอเพียงให้คนอื่นให้ความเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ แล้วไม่มีกฎหมายเปิดช่อง ให้ศาลหยุดสถานะหรือสภาวะการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

 

ถ้ากกต.ทำคำร้อง วินิจฉัยทั้งส.ส.และแคนดิเดตนายกฯ ศาลอาจสั่งได้แค่ส.ส. แต่แคนดิเดตนายกฯไม่ได้ 

ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีกฎหมายบทไหน หยุดสภาพ แคนดิเดตนายกฯ จนกว่าศาลมีคำวินิจฉัย ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา98 จึงถือว่า ขาดคุณสมบัติที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่หยุดไว้ก่อน คั่นไว้ก่อน มีเฉพาะตำแหน่ง ส.ส. สว. และรัฐมนตรี 

 

ไม่มีมาตราไหน เขียนรับรอง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะกระทบก็ต่อเมื่อคดีของส.ส.สิ้นสุดแล้ว ก็จะกระทบอัตโนมัติไปถึง แคนดิเดตนายกฯด้วย

คำวินิจฉัยมีผลผูกพันธ์ทุกองค์กร และสภาฯด้วย จะไปลงมติให้คนไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกฯ ก็ไม่ได้ไปด้วย เป็นผลต่อเนื่อง

ถ้าคนที่ร้อง เขาร้องต่อเนื่อง เมื่อมีลักษณะต้องห้ามเป็นส.ส. จึงเป็น แคนดิเดตนายกฯไม่ได้ ขอให้ศาลสั่งต่อเนื่องไปด้วย ถ้าเขาขอนะ ก็เปิดช่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยประเด็นหลักก่อนว่าขาดคุณสมบัติส.ส. และพ้นจากสมาชิกภาพส.ส.หรือไม่ ถ้าศาลบอกว่า พ้น ผลต่อไปแล้ว คำขอต่อเนื่อง ศาลก็มีโอกาสเหมือนกัน แม้ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน แต่ในหลักวินิจฉัยชี้ขาดคดี เมื่อวินิจฉัยประเด็นหลักแล้ว ก็วินิจฉัยต่อเนื่องให้สะเด็ดน้ำได้ เรื่องจะได้ไม่ต้องกลับมาเป็นปัญหาอีก จึงทำให้ความเห็นตอนนี้ยังแตกต่างกันอยู่ มองคนละอย่าง ซึ่งคงเป็นภาระของ สว. ว่าจะโหวต ไม่โหวต
 

 

มีการวิเคราะห์ว่า เผือกร้อนจะไปอยู่ที่ใคร ระหว่างสว. หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ 

ศาลรัฐธรรมนูญนี้ ไม่กลัวเผือกร้อน ศาลเป็นองค์กร ถูกสร้างให้ประเทศเดินหน้าได้ ให้หลุดออกจากหล่ม ขึ้นจากหล่มขัดแย้งทางกฎหมาย รัฐธรรมนูญให้ได้ ศาลก็ต้องทำหน้าที่ คนที่ไปอยู่ในศาล อายุ60-70 ปี ผ่านระบบงานมาตลอดชีวิต งานนี้ เป็นงานสุดท้าย ที่จะฝากไว้ให้เป็นเกียรติยศ ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล ลูกหลาน เป็นภารกิจสำคัญของประเทศชาติ ผมมั่นใจ เท่าที่เคยทำงานกับท่านมา ท่านไม่หวั่นไหว ไม่เบี่ยงเบนหลบพายุ หลบทัวร์ ไม่มีแน่ 

 

เรื่องหุ้นสื่อ มองอย่างไร

ตอบไม่ได้ มีทั้งปัญหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน2ฝ่าย ก็ก้ำกึ่ง ขัดแย้ง มีทั้งปัญหาตีความตามกฎหมายว่า จะเอาตามตัวหนังสือหรือเจตนารมณ์ เราไม่มีทางเดาได้ เสียงทั้ง9ท่าน จากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมองอย่างไร ประเด็นว่าจะขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.หรือไม่

เรื่องนี้ มีทางเดียว วางใจเป็นกลาง รอฟังคำวินิจฉัยของศาล คู่กรณีก็ต้องสู้กันหัวชนฝา เพราะเดิมพันสูงมาก เราเป็นคนนอก เพราะฉะนั้นวางใจเป็นกลาง รอฟังคำวินิจฉัยของศาลดีกว่า ท่านจะต้องตรวจสอบละเอียด รอบคอบหมด แต่พวกเราคนนอก ไม่เห็นรายละเอียด พยาน หลักฐาน แง่มุมต่างๆ ถ้าเราคาดเดาไป อาจเป็นความเห็นที่อาจสับสนกันไป

 

คดีสมัยนส.ภาดา วรกานนท์ อดีตส.ส.กทม. พลังประชารัฐ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ มีหลายฝ่ายเอามาเทียบเคียง แม้คนละศาลจะเป็นการเทียบเคียงได้หรือไม่

ศาลจะพยายาม ไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน ระหว่างศาลสูงสุดของแท่งหนึ่ง กับอีกแท่งหนึ่ง เพราะจะสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ ท่านคงวิเคราะห์ให้ละเอียด มีน้ำหนัก มีผล ทางจิตวิทยา ทางวิชาการ เรียกว่า influential authority อาจมีน้ำหนักทางแรงจูงใจ แต่ไม่ได้มีสภาพบังคับ ซึ่งศาลจะดูละเอียด มีปัจจัยหลายอย่าง ที่ต้องนำมาประกอบการวินิจฉัย คดีที่อาจกระทบถึงปัญหาของประเทศชาติ 

 

สังคมให้ความสนใจบางคดีมากเป็นพิเศษ มีผลทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งรัดพิจารณาหรือไม่ 

ในแง่ ทำให้เร็วขึ้น ศาลทุกศาล ต้องคำนึงถึงความจำเป็นของสังคม แต่ไม่ได้หวั่นไหว เรียกว่า ทำงานให้ทันเวลา เร็วที่สุด เท่าที่สภาพแห่งคดีจำเป็น ศาลทำให้เร็วขึ้นแน่นอน แต่ต้องไม่ผลีผลาม ไม่ให้พลาด งานของศาล ผูกพัน เกี่ยวพันคนที่เกี่ยวข้อง มีแพ้ มีชนะ มีเดิมพันสูง แต่ต้องระมัดระวัง ไม่ให้ผิดพลาด แต่เรื่องนี้ อาจจะสะท้อนกลับมาในวันประชุมรัฐสภา เป็นเหตุผลให้ ส.ส.และสว. ถือเป็นเหตุความชอบธรรม ก็เลยงดออกเสียงไปก่อนดีกว่า