posttoday

'อดิศร'ลั่นเพื่อไทยต้องไม่ปล่อยเก้าอี้ประธานสภาให้ก้าวไกล

21 มิถุนายน 2566

‘อดิศร-ภูมิธรรม’ ทักทายชื่นมื่นก่อนเปิดใจปมประธานสภาฯระหว่างการสัมนาพรรค ‘ภูมิธรรม’ ยันยังไม่เคาะโควตาประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ อดิสร ลั่นเพื่อไทยอย่าอ่อนเรามีศักยภาพบุคลากรเหมาะสมและไม่ใช่สาขาก้าวไกล

ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาส.ส.พรรค หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองส.ส. ครบทั้ง 500 คนแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสภาฯ ภายใต้ชื่อ “โครงการเสริมศักยภาพส.ส.และบุคลากรทางการเมือง” โดยก่อนการสัมนา นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ทักทายจับมือพูดจากันด้วยดีกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยก่อนนี้ มีกระแสข่าวไลน์หลุด ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจแกนนำพรรคที่ออกมาระบุจะยึดหลักการให้พรรคอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภาฯและพรรคอันดับสองได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯสองเก้าอี้ ซึ่งผู้ที่แสดงตัวชัดเจนคือนายอดิศร 

นายอดิสร บอกกับสื่อที่ยืนอยู่ว่าสนิทกันดีเคยทำงานกระทรวงเดียวกันตอนอยู่ป่าก็อยู่ด้วยกันและระบุว่าว่าสิ่งที่แสดงความคิดเห็นไปเพื่อพรรคทั้งนั้น ขณะที่นายภูมิธรรม ระบุว่ามีอะไรก็ขอให้พูดคุยกัน วันนี้ก็เบาๆหน่อยนะ 

จากนั้น นายภูมิธรรม ได้กล่าวเปิดใจถึงกระบวนการทำงานในการเป็นตัวแทนพรรคไปทำหน้าที่เป็นเจรจาในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่าที่ผ่านมาพวกตนได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลได้เสนอไปว่าแต่ละพรรคได้ส.ส.ใกล้เคียงกันก็ควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีพรรคละ 14 คน พรรคก้าวไกล ได้ส.ส.มาที่หนึ่งก็ควรได้ประมุขฝ่ายบริหาร 

“พรรคเพื่อไทยควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เรื่องตำแหน่งประธานสภายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรคก้าวไกล แต่การให้ข่าวของตนและเลขาธิการพรรคอาจจะทำให้สมาชิกพรรคเกิดความไม่สบายใจหรือความไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการเรื่องการยึดหลักพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่” 

ด้านนายอดิศร แสดงความคิดเห็นว่า “เรื่องประธานสภาฯไม่เห็นด้วยที่เรา 141 เสียง เขา 151 เสียง แต่เราไปยอมเขาทุกเรื่องราว พรรคก้าวไกลเขาควรได้เป็นฝ่ายบริหาร แต่จะหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาฯไปด้วย ผมว่ามันจะง่ายเกินไปหน่อย ไม่เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ผมตรงไปตรงมา ผมสู้ให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด 

“ผมเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าเจรจาอย่างไร ถ้าเขาได้นายกฯ เราได้ประธานสภาฯ มันจะสง่างาม และจะได้ถ่วงดุลการทำงานด้วยกัน ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภาฯกับพรรคก้าวไกลได้ เมื่อเกิดความขัดแย้งก็โหวตกันในสภา ผมยืนยันว่าศักยภาพของเรา เรามีบุคลากรที่เหมาะสม ผมไม่อยากเห็นพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เรามีบุคลากรเยอะ อย่าไปยอมให้เขาง่าย เราอย่าไปห่วงความรู้สึกเขา คุณจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย เรื่องประธานสภาฯถึงอย่างไร ผมคิดว่าต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รัฐบาลผสมเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม” 

“ผมคนหนึ่งไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถยกมือให้พระบวชใหม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อยยาก เพราะต้องสู้กับพรรคก้าวไกล ฉะนั้นการทำงานในทางการเมืองอย่าอ่อน แข็งต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มา 22 ปี เราต้องสรุปบทเรียน และพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศนี้” นายอดิศร กล่าว