'จตุพร’ ยังไม่เชื่อ 'ทักษิณ’ กลับไทย 22 ส.ค. มองเป็นเกมหวังผลโหวตนายกฯ
เผยขณะนี้ยังแบ่งกระทรวงไม่เสร็จ เชื่อ 'เศรษฐา’ ไม่ได้เป็นนายกฯ อาจเป็น 'แพทองธาร’ แต่อยู่ได้ไม่นานก่อนตกเป็นของ 'ประวิตร’ ชี้ ปม 'หมอชลน่าน' ลาออก ต้องยึดมาตรฐานเดียวกับ 'อภิสิทธิ์' มองส่งผลเป็นโดมิโน่กับคนในพรรค
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โพสต์ระบุว่าเตรียมจะไปรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินดอนเมือง 09.00น.วันที่ 22สิงหาคม 2566 ว่า
อยากจะให้ประชาชนได้ใช้ความอดทนเรื่องความเชื่อของการกลับมาของนายทักษิณ ตราบใดวันที่22สิงหา 9โมงเช้ายังไม่เห็นตัวเป็นๆของนายกทักษิณ อย่าพึ่งด่วนสรุปไปเขื่อว่าท่านจะกลับประเทศไทย100% และถ้าถามว่าทำไมนางสาวแพทองธาร โพสต์ถึง 2โพสต์ เพียงแค่เลื่อนไม่เพ้อเจ้อ กลับอย่างแน่นอน
เพราะในวันนี้กับวันพรุ่งนี้ อยู่ในห้วงเวลาของการเจรจาตกลงเรื่องการแบ่งกระทรวง กับพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล และในวันจันทร์จะมีการแถลงร่วมของทุกพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งก็จะตรงกับวันเดียวกับที่ นายชูวิทย์ นัดแถลง EP3 เรื่องสุขุมวิทซอย12 ซึ่งมรบริษัทต่างขาติมาเกี่ยวข้องกับการจีดซื่อที่ดินที่เกี่ยวข้องกับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย
และในวันที่ 22 ส.ค.ที่มีโหวตนายกรัฐมนตรี วันเวลาเดียวกันก็จะมีการตัดสินคำพิพากษาคดีทุจริตสร้างโรงพัก ดังนั้นการตัดสินใจของนายกทักษิณ ถ้าไม่ต้องการกลับอย่างเท่ๆ สามารถเลือกวันอื่นได้ทุกวัน
แต่ความเขี้ยวลากดิน ของการประกาศกลับบ้านไม่ทีอะไรที่จะเสีย เพราะมีการประกาศมาเกินกว่า20ครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลว่าไม่มีอะไรที่จะเสียไปมากกว่านี้ และหลายคนอาจจะมีความเชื่อเพราะนางสาวแพทองธาร เป็นคนประกาศ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า นางสาวแพทองธารก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะตัวเองในฐานะแคตดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ปิดสวิซต์สว. ปิดสวิซต์3ป. ประกาศไม่จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ อยู่ในทุกแพลตฟอร์มบนโซเชียล
ดังนั้นสถานการณ์ของแพทองธารอยู่ในสถานการณ์ที่ติดลบไม่ต่างจาก เศรษฐา หรือ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคนอื่นๆในพรรคเพื่อไทย ดังนั้นตนเองยังยืนยันอีกครั้งว่า ถ้านายเศรฐายังไม่ถูกเปลี่ยนตัวไปโหวตจะไม่ผ่านโดยเสียงสว.จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และหลายคนตั้งคำถามว่าจะไปเจรจาแบ่งกระทรวงกันทำไมนั้น ก็เพราะตกลงแบ่งกันให้เรียบร้อยเวลาจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนแค่หัวเท่านั้น
นายจตุพร กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเองเคยประเมินค้างกันไว้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวกันหรือไม่ จากนายเศรษฐา มาเป็นนางสาวแพทองธาร นั้น เพราะเกมในสถานการณ์นี้ เพื่อความสมบูรณ์ที่สุดในการหักหลังทั้งปวงและเป็นการปิดฉากตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยก็ต้องให้นางสาวแพทองธาร ไปสู่การโหวตนายหรัฐมนตรี ก็จะถูกวิพากวิจารณ์กันอย่างย่อยยับ แต่จะยอมให้ผ่านแตกต่างกับของนายเศรษฐา
ทั้งนี้เมื่อผ่านไปแล้วก็ต้องยอมรับว่า การทำธุรกรรมของนางสาวแพทองธารไม่ต่างจากนายเศรษฐา และถ้าของนางสาวแพทองธาร ก็จะถูกชำแหละในที่ประชุมรัฐสภา แต่จะให้ผ่าน
เมื่อผ่านไปแล้วจะได้เป็นหรือไม่เป็นคนละกรณี เพราะหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของกระบวนการทูลเกล้า ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติ โปรดเกล้านายก /ครม. นำครม.ถวายสัตย์ฯ และก่อนปฏิบัติหน้าที่ต้องแถลงนโยบายต่อสภาภายใน2สัปดาห์
ทำให้มีช่องว่างอยู่กว่า1เดือน เพราะฉะนั้นโหวตผ่านจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นไม่มีใครรู้ หรือได้เป็นจะอยู่กี่วันก็ไม่มีใครทราบ อย่างที่ผมบอกว่าถ้าเป็นคุณอุ๊งอิ๊งค์ ก็จะได้เป็นนายกคนที่30 ภายในพริบตาเดียว และลำดับที่31 ก็จะเป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เหมือนเดิม ยกเว้นว่าถูกล้มกระดานก่อนโดยการถูกยึดอำนาจ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนเองก็ได้ตามสืบย้อน กรณีที่ฮ่องกง มีคนไปเจรจากับนายทักษิณ ซึ่งนายทักษิณยืนยันเรื่องการกลับบ้าน และการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ในประเทศไทยเลยมีกระแสโหมกัน
แต่เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้กลับในรอบ10สิงหา และการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คิด ท้ายที่สุดจึงมาตระบัดสัตย์ด้วยการจับมือกับรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ
ตนจึงมองว่า การประกาศรอบนี้เพื่อหวังผลวันโหวตนายกรัฐมนตรี อาจจะมีการเปลี่ยนแท็กติก เพราะอยู่ดีๆคนระดับนายทักษิณที่ปฏิเสธเรื่องการกลับบ้านโดยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการเข้าเรือนจำมาตลอด15ปีตั้งแต่ออกจากประเทศไทย แล้วอยู่ดีๆตัดสินใจกลับมาเลย คนไทยก็จะต้องรอดูว่าวันที่ 22 จะเห็นตัวเป็นๆหรือไม่
ต้องไม่ลืมว่า การประกาศกลับหรือไม่กลับ เกิน20ครั้งมาแล้ว จึงไม่มีอะไรเสีย แต่ลูกของนายกทักษิณ พรรคเพื่อไทยต้นทุนไม่มีอะไรเลยเพราะการตระบัดสัตย์ความน่ากลัวจะเกิดขึ้นกับกับคนที่เลือกพรรคเพื่อไทย คนที่ร่วมเป็นร่วมตาย สูญสิ้นอิสรภาพ ได้รับความอยุติธรรมมากที่สุด
คนเหล่านี้จะไม่ทนกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยไม่ควรไปกลัวด้อมส้ม แต่ให้กลัวมวลชนของตัวเองที่มาสู่ด้วยหัวใจ ดังนั้นจึงขอย้ำว่า ถ้ายังไม่เห็นตัวเป็นๆ อย่าเพิ่งไปเชื่อ
นายจตุพร ยังบอกอีกว่า วันที่ 22 นี้จะได้เห็นการเลื่อนอีกรอบหนึ่งหรือไม่ มองว่า จะไปยึดสถานการณ์ของนายทักษิณไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนรักษาคำพูดจะไม่มีครั้งที่ 2แต่นี่ประกาศถึง20ครั้ง และสุดท้ายก็ไม่กลับมาสักที ซึ่งตนเองคาดหวังว่าอยากให้ท่านกลับมาในประเทศไทย เพราะคนไทยและประเทศไทยจะได้ยุติเรื่องของท่านสักที จะได้จบเรื่องนี้ได้แล้ว และตนไม่เชื่อว่าจะกลับมา 22 สิงหาคมนี้
ส่วนถ้ากลับมาจะได้เห็นตัวหรือไม่นั้น อยู่ที่ตัวขอนายทักษิณเจรจากับเจ้าหน้าที่ และหากอยากให้เห็นคงให้เจ้าหน้าที่พาผ่านช่องทางที่ให้สื่อมวลชนเห็นได้ ทั้งหมดก็จะเป็นไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ จากสนามบินไปศาลฎีกา เป็นของตำรวจ จากศาลไปเรือนจำ เป็นของกรมราชทัณฑ์ และมองว่า หากทักษิณปล่อยวางยอมรับกระบวนการก็ไม่มีปัญหาตั้งแต่ต้น
เพราะยังมีคดีความผิด 3 คดี รวมติดคุก 10 ปี ยังไม่เห็นคำแนบท้ายคำสั่งศาลว่ามีการนับโทษต่อหรือไม่ เพราะต้องรับโทษติดคุกไม่น้อยกว่า 4 ปี และหากสั่งนับรวมติด 3 ปีเศษ ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายในช่วง 5 ปีของการติดคุกของตัวเองนั้นเจออดีตรองนายกและอดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลายคนขอพระราชทานอภัยโทษเรื่องการทุจริตไม่เคยได้รับการอภัยโทษเลยแม้แต่กรณีเดียว และยังย้ำความเชื่อเดิมว่านายทักษิณกลับไทยแต่ไม่ต้องการที่จะติดคุก
ส่วนความคืบหน้าการตั้งรัฐบาล ที่มีโผครม. เผยแพร่ออกมารายวันนั้น นายจตุพร ระบุว่า จากข้อมูลที่ตนมี ตอนนี้การแบ่งกระทรวงยังไม่เรียบร้อย ยังมีเวลาเจรจา โผที่ออกมาบางส่วนไม่ใช่ข้อเท็จจริง ดังนั้นข่าวการกลับบ้านก็เพื่อจะให้มีผลกับการแบ่งกระทรวง และวันโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรนายเศรษฐาจะไม่ได้เป็นนายกฯ
ส่วนกรณีกระแสสังคมเรียกร้องนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพรระบุ ว่า หากนายแพทย์ชลน่าน ลาออก ความกดดันจะไปอยู่ที่นางสาวแพทองธาร และนายเศรษฐา รวมถึงคนอื่นๆในพรรคเพื่อไทย ที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ร่วมจับมือกับพรรค 2 ลุง ซึ่งหากนายแพทย์ชลน่านจะแสดงความรับผิดชอบ มองว่าควรมีมาตรฐานการรับผิดชอบจะไม่น้อยกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความรับผิดชอบลาออกจาก หัวหน้าพรรคและสส. หลังนำพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง
นายแพทย์ชลน่านต้องไม่มีมาตรฐานที่ต่ำกว่านายอภิสิทธิ์ นอกจากลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว จะต้องลาออกจาก สส. และอย่าได้คิดว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไปเป็นรัฐมนตรี เพราะจะเป็นอย่างไม่มีความสุขมากที่สุด ซึ่งที่ตนพูดแบบนี้ เพราะมีท่าทางว่าอาจจะมีการแสดงรับผิดชอบ แต่หากเป็นเช่นนั้น ก็จะต้องเป็นโดมิโน่ไปถึงนางสาวแพทองธารและนายเศรษฐาด้วย
ทั้งนี้ นักข่าวถามช่วงท้ายว่า วันที่ 22 นี้ นายจตุพร จะไปสนามยินด้วยหรือไม่ นายจตุพร หัวเราะ แล้วบอกว่า กลัวไม่เจอ พร้อมบอกว่า ‘หวังว่าครั้งนี้จะได้มา’