posttoday

ปดิพัทธ์ แจงใช้งบดูงานสิงคโปร์1ล้านบาทเศษต่ำกว่าสิทธิที่ได้

20 กันยายน 2566

รองประธานสภาคนที่1 ปดิพัทธ์ สันติภาดา แจงใช้เงินกว่า1ล้านดูงานสิงคโปร์ไม่ใช่งบล้างท่อ ส่วนสาเหตุต้องไปเสาร์อาทิตย์เพราะวันธรรมดาติดงานรัฐสภา

นายปดิพัทธ์  สันติภาดา  รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แถลงข่าวที่รัฐสภาว่า งบประมาณที่ตั้งไว้ำปดูงานที่สิงคโปร์ เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลังสามารถเปิดเผยค่าใช้จ่ายได้บางส่วน รวมมีผู้เดินทางไปทั้งหมด12คน แบ่งเป็น3ส่วน ส่วนที่ 1 คือกรรมการไปดูระบบสารสนเทศระบบฐานข้อมูล government technology ของสิงคโปร์เป็นงานด้านเทคนิคจำเป็นต้องนำคนที่เหมาะสมกับงาน
 

ส่วนที่2คือโควตาประธานกรรมการกิจการสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่มีการแบ่งฝ่ายค้านพรรคก้าวไกลเปิดให้สส.ได้ลงชื่อ การเลือกสรรบุคลากรในการเดินทางไปครั้งนี้จะได้องค์ความรู้และภาคปฏิบัติที่จะนำกลับมาพัฒนาสภา และส่วนที่3เจ้าหน้าที่สภา
เป็นฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสำนักงานเลขาธิการรองประธานสภา     

ส่วนตั๋วค่าเครื่องบินตามสิทธิได้ 52,000 บาท ใช้จริง 28,000 บาท ที่เหลือจะส่งคืนคลัง ค่าโรงแรม ตามสิทธิเบิกได้  12,500 บาท จองจริงประมาณ 9,000 บาท พยายามจะประหยัดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งตนเองจะทำหน้าที่เป็นทูตของสภาผู้แทนราษฎรการเยี่ยมคารวะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  และการเลี้ยงรับรองบุคคลต่างๆจะต้องให้เกิดความสมเกียรติกับประเทศไทย  

นายปดิพัทธ์ ยังชี้แจงถึงการเดินทางที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากการทำงานของตัวเองต้องทำงานเต็มเวลาวันจันทร์ถึงศุกร์ วันพุธและวันพฤหัสบดีอาจจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมจึงเลือกเดินทางในเย็นวันพฤหัสบดีและพร้อมสำหรับการดูงานในวันศุกร์ เพราะฉะนั้นการดูงานในหน่วยงานราชการและเยี่ยมคารวะที่ประเทศสิงคโปร์จะเกิดขึ้นในวันศุกร์

ส่วนการดูงานตามสถานที่ต่างๆในวันเสาร์ - อาทิตย์ก็จะมีการประสานผ่านสถานทูต เพื่อเข้าดูงานในสถานที่ต่างๆ โดยจะศึกษาให้รอบด้านก่อนเสนอไปยังรัฐบาล พรรคการเมืองต่างๆ และภาคประชาสังคม

"การที่เปิดเผยทำให้ถูกตั้งคำถาม เปรียบเทียบไปสู่หน่วยงานอื่นๆซึ่งคิดว่าแต่ละหน่วยงานมีภารกิจที่แตกต่างกัน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน แต่สิ่งที่เป็นทำกับประชาชนดูงาน คือทุกหน่วยงานจะต้องตรวจสอบได้" นายปดิพัทธ์กล่าว

ส่วนการเดินทางไปดูงานในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปกระทันหันหรือเป็นการใช้งบประมาณแบบล้างท่อหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การเดินทางใช้งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ถ้าเทียบกับงบค้างจ่ายมีมากกว่าหากจะล้างท่อจริงก็น่าจะเดินทางไปประเทศที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่านี้  การที่ใช้งบประมาณแค่นี้ไม่ถือเป็นการล้างท่อและการเดินทางครั้งนี้วางแผนตั้งแต่ต้นเทอมในการทำหน้าที่ของตนโดยเราทำงาน ดูปัญหาก่อน แล้ววางแผนประเทศที่จะเดินทางไปดูงาน ซึ่งก็ตรงกับช่วงนี้พอดี ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณค้างจ่ายแต่อย่างใด 

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่รอให้มีความพร้อมและมีคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรก่อนที่จะเดินทางไปดูงาน  นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในการวางแผนไปดูงานคาดการณ์ว่าน่าจะมีการตั้งกรรมาธิการเสร็จสิ้นแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ  หากต้องรอจะต้องยืดโครงการนี้ออกไปก็ไม่ได้ เพราะหากจะยึดโยงกับรัฐบาลงานก็ไม่เดินหน้าอีกทั้งทางประเทศสิงคโปร์ก็ได้เตรียมพร้อมรองรับคณะจากไทยแล้วเช่นกัน 

"เมื่อเปิดเผยแบบนี้ก็มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยืนยันว่าทำถูกต้องตามระเบียบทุกประการ เพราะฉะนั้นจะไม่กระทบต่อการเดินทางอย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่ายังคงยืนยันนโยบายเดิมของพรรคก้าวไกลที่จะไม่ใช้จ่ายเงินของรัฐเกินความจำเป็นเพราะที่ผ่านมาการเดินทางไปดูงานไม่สามารถตอบกลับเป็นผลสัมฤทธิ์ได้ ดังนั้นต้องตั้งคำถามถึงผลสัมฤทธิ์และนโยบายการเดินทางไปดูงานของแต่ละหน่วยงานว่าต้องประหยัดและคุ้มค่า ไม่ใช่วัฒนธรรมการดูงาน แต่เป็นเป้าประสงค์ของการดูงาน ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นตรงกับตนเองคือดูงานเท่าที่จำเป็นและสามารถตอบสังคมได้ หากสิ่งที่ตนทำแล้วได้รับการตรวจสอบ และสามารถพิสูจน์ได้ถึงผลลัพธ์ของการดูงานก็สามารถเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของการดูงานต่างประเทศได้ " นายปดิพัทธ์กล่าว

นายนพดล พรหมภาสิต ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมาย ผู้ถูกล่วงละเมิด Bully ทางสังคม หรือ ศชอ. ยื่นหนังสือถึง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2  ผ่านนายสมคิด เชื้อคง ขอให้ตรวจสอบ ค่าตั๋วเครื่องบินที่แพงเกินจริง ในการเดินทางไปดูงานสิงคโปร์ ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และคณะ ว่าแพงเกินจริงหรือไม่ และการอนุมัติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านรายละเอียดก่อนลงนามหรือไม่