'ทวี'ปัดทำคดีสินบนส่งแรงงานไทยไปฟินแลนด์กลั่นแกล้ง'สุชาติ'
ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แจงดีเอสไอแจ้งข้อหาอดีตรมว.แรงงานคดีสินบนส่งแรงงานไทยไปฟินแลนด์เป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ส่วนคดีหมูเถื่อน ธรรมนัสให้กำลังใจไม่ได้ไม่พอใจหลังถูกวิจารณ์ทำคดีล่าช้า
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีมติกล่าวหา อดีตรัฐมนตรี และ ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน จำนวน 4 ราย ผิด 157 พบหลักฐานโยงหักค่าหัวคิว ส่งแรงงานไทยไปฟินแลนด์ มูลค่าความเสียหายกว่า 36 ล้านบาทว่า คดีนี้เป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ซึ่งอัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวน ซึ่งข้อหาทางเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย แจ้งมาว่ามีการสอบสวนของหน่วยงานต่างประเทศ ซึ่งมีพยานหลักฐาน อีกทั้งตำรวจฟินแลนด์ก็คงไม่รู้จักคนไทย และเนื่องจากมี พ.ร.บ.ความร่วมมือทางอาญา ซึ่งสามารถรับฟังพยานหลักฐานได้
หลังจากนั้นอัยการสูงสุดได้ร่วมกับดีเอสไอและมีความเห็นร่วมกัน ไม่ใช่องค์กรใดองค์กร โดยการสอบสวนมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานทางวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญตามรายงานปรากฏว่าตำรวจฟินแลนด์ได้เข้ามาสอบในประเทศไทยหลายครั้ง แต่ถ้าพูดไปจะทำให้มีความเสียหาย การสอบสวนจะขึ้นกับพยานหลักฐานเป็นสำคัญ และต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่กลั่นแกล้งใคร
ส่วนเรื่องที่นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ท้าทายกรมสอบสวนคดีพิเศษให้เปิดเส้นทางการเงินหลังเจอข้อหา รับสินบน ส่งแรงงานไปฟินแลนด์ และข้องใจไม่เคยเรียกสอบสวนก่อนแต่แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ทุกๆคดีจะมีในลักษณะอย่างนี้ แต่ก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ถ้ารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือว่ามีพยานหลักฐานอะไรได้สั่งให้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อพิสูจน์ว่ากระทำผิดหรือบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่มีปัญหา
ส่วนเรื่องหมูเถื่อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำงานล่าช้า พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า พนักงานสอบสวนก็ทำทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้ทำตามความรู้สึก และจริงๆ ตั้งเป็นองค์กรความร่วมมือการป้องกันปราบปรามการกระทำผิด เชิงองค์กรอาชญากรรม หรือ พ.ร.บ.องค์กรป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะความผิดฐานฟอกเงินทั้งสองประเทศจะร่วมกัน และยอมรับว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะปศุสัตว์ เพราะนำเข้าจากต่างประเทศเข้ามา มันเริ่มตั้งแต่เป็นไข้ ASF ตอนนั้นก็มีการปิดบัง และมีการส่งออกไปประเทศอื่น ปรากฏว่ามีการอภิปราย และคณบดีคณะสัตวแพทย์ก็ร้องว่า โรคที่พบเป็น ASF ทำให้หมูขาดตลาด จนมีการแอบนำหมูเข้ามา จึงต้องสอบทั้งหมด ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน จะใช้ความรู้สึกมาเป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าถึงใครเราก็ไม่ได้ดำเนินคดีทันที แต่ต้องเรียกมาสอบ และอยากให้พนักงานสอบสวนรอบคอบ โดยให้ศาลเป็นผู้ออกหมายจับ คงจะไม่มีการกลั่นแกล้งใคร
ส่วนกรณี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เหมือนจะไม่พอใจเพราะส่งเรื่องไปให้นานแล้วพันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ไม่มีอะไร ร้อยเอกธรรมนัส ก็อยากจะแก้ปัญหา และเมื่อเจอกันก็ไม่เห็นพูดอะไรด้วย เหมือนให้กำลังใจกันมากกว่า
ส่วนถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรี หรือนักการเมือง หรือผู้ยิ่งใหญ่ พันตำรวจเอกทวี ตอบกลับทันทีว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่าให้ทำอย่างตรงไปตรงมาและเราไม่ได้ตั้งธงว่าจับใคร ถ้าหลักฐานไปถึงใครก็ต้องดำเนินการ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเรา แต่ประชาชนจับตามองอยู่ ทุกอย่างว่าตามพยานหลักฐาน ซึ่งเมื่อเป็นสำนวนแล้วพนักงานสอบสวนก็ช่วยใครไม่ได้ เพราะถ้าสั่งความเห็นออกไป ก็มีอัยการเป็นผู้สั่งอีกที ถ้าสำนวนไม่รอบคอบอัยการก็จะเข้ามา และดีเอสไอก็พยายามยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์จะไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่บุคคลอาจเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ ที่สำคัญเราอยากให้เกษตรกรรายย่อยได้รับการคุ้มครอง เพราะถ้าเอาเข้ามาโดยหลบภาษีแล้วไม่ได้ตรวจโรคทางปศุสัตว์ ถ้าเอาไปขายในร้านหมูกะทะต่างๆ มันก็จะเป็นการทำลายตลาด
เมื่อถามย้ำว่าอีกนานหรือไม่ ที่ประชาชนจะได้เห็นคนที่กระทำความผิดถูกลงโทษ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ก็เห็นอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีตัวผู้ต้องหามันจะบังคับเวลาว่าต้องกี่วัน พนักงานสอบสวนต้องมีระยะเวลาให้อัยการพิจารณาสำนวนอีกระยะหนึ่ง