posttoday

เปิด 20 กลุ่มผู้มีสิทธิสมัครสว. กับ กระบวนการคัดเลือก 200สว.ชุดใหม่

18 กุมภาพันธ์ 2567

สมาชิกวุฒิสภา(สว.) 250คน กำลังจะหมดวาระ พฤษภาคม2567 กระบวนการสรรหาสว.ชุดใหม่ กับระบบเลือกกันเอง 20 กลุ่ม ผ่านการเลือก ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ ก่อนจะเหลือ200คน จะได้สว.ที่มีความเป็นอิสระจริง ไม่ถูกการเมืองแทรกแซงได้จริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

KEY

POINTS

- 250 สว.หมดวาระ พ.ค.67

-ผู้มีสิทธิสมัครสว.จาก 20 กลุ่ม

-กระบวนการเลือกสว.ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ

-สว.ชุดใหม่ 200 คน

สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ทั้ง 250 คน กำลังจะครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ เดือนพฤษภาคม2567 ในห้วงเวลา 5 ปีแรก ให้อำนาจ สว.สรรหา โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายการเมือง สังคมที่ไม่เห็นด้วย แต่สว.ชุดปัจจุบันกำลังจะ ผ่านพ้น ฝ่ายต่างๆกำลังจับตา กระบวนการได้มาซึ่ง สว.ชุดใหม่ 200คน จะมาทำหน้าที่แทน หนึ่งในสิ่งที่สว.ชุดใหม่ จะมาทำหน้าที่นั้น จะไม่มีสิทธิ์ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อีกแล้ว 


'อิทธิพร บุญประคอง' ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้ลงนาม ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้งสว. พ.ศ.2567 เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2567 และได้มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื้อหาในระเบียบดังกล่าว มีทั้งสิ้น 9 หมวด 172 ข้อ

การรับสมัคร
กำหนดให้การรับสมัคร เริ่มรับสมัครไม่เกิน 15 วันนับจากวันที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสว.มีผลใช้บังคับ กำหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่า 5 วันแต่ไม่เกิน 7 วัน

 

การเลือก

วันเลือกในระดับอำเภอ ต้องไม่เกิน 20 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลารับสมัคร วันเลือกในระดับจังหวัดต้องไม่เกิน 7 วันนับแต่วันเลือกในระดับอำเภอ และวันเลือกในระดับประเทศต้องไม่เกิน 10 วันนับแต่วันเลือกในระดับจังหวัด ในการกำหนดวันเลือกในแต่ละระดับ ต้องเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร

 

ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกสว.

การแบ่งกลุ่มการสมัครรับเลือก สว. รวมทั้งสิ้น 20 กลุ่ม ประกอบด้วย 
1.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง ได้แก่ ผู้เคยเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
2.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
3.กลุ่มการศึกษา ได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นครู อาจารย์ นักวิจัย ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
4.กลุ่มสาธารณสุข ได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นแพทย์ทุกประเภท เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข พยาบาล เภสัชกร หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
5.กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน

6.กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
7.กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคล ซึ่งไม่ใช่ราชการหรือหน่วยงานรัฐ ผู้ใช้แรงงาน หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
8.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์ สาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
9.กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อยตามกฎหมาย หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
10.กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการตามกลุ่มที่9

11.กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบกิจการหรือพนักงานโรงแรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
12.กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
13.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตรกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
14.กลุ่มสตรี
15.กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน

16.กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
17.กลุ่มประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
18.กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
19.กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
20.กลุ่มอื่นๆ

เมื่อผู้สมัครรับเลือกสว.ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จะเข้าสู่การเลือกกันเองภายใน 20 กลุ่ม ผู้สมัครแต่ละคนเลือกสมัครได้แค่ 1 กลุ่ม และใน 1 อำเภอเท่านั้น ทุกกลุ่มจะเลือกกันเอง ตั้งแต่ในระดับอำเภอ พอได้ตัวแทนระดับอำเภอแล้วไปคัดเลือกกันเองในระดับจังหวัด จากนั้นเข้าสู่กระบวนการไปคัดเลือกกันเองต่อในระดับประเทศ

เมื่อผ่านการเลือกทั้ง 3 ระดับ ผู้ได้คะแนนสูงสุด 10 อันดับแรกของกลุ่ม จาก 20 กลุ่ม จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็น สว. 200 คน

แม้ตามวัตถุประสงค์ ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ จะคิดค้นวิธีกระบวนการเลือก แบ่งเป็น 20 กลุ่ม เพื่อให้ได้สว.ที่มีความรู้ ความสามารถมาจาก วิชาชีพที่หลากหลายเข้ามาทำหน้าที่ ป้องกัน ภาคการเมืองเข้ามาควบคุม ผ่านกระบวนการเลือกตั้งตรงเพียงอย่างเดียว หรือ สรรหาเพียงอย่างเดียวอย่างที่เคยเป็นมา จึงได้ออกแบบวิธีเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมเริ่มจาก อำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ อันค่อนข้างสลับซับซ้อน กระบวนการดังกล่าวจะป้องกันการเมือง ไม่ให้เข้ามาแทรกแซง เพื่อให้ได้ สว.ที่มีความเป็นอิสระจริงได้หรือไม่ คงต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป