posttoday

มติพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่รับร่างงบปี68 ต้นเหตุนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต

21 มิถุนายน 2567

"ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล" แถลงมติพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่รับร่างงบปี68 "ศิริกัญญา ตันสกุล"แจงต้นเหตุจากนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ละเลยโครงการอื่นที่สำคัญ พาประเทศเสี่ยงเจอปัญหาการคลัง ขาดดุลงบเต็มเพดาน

เมื่อวันที่ 21มิ.ย.67 ที่อาคารรัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) พร้อมด้วยสส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค มีมติร่วมกันไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568

"ทุกพรรคเห็นไปในแนวทางเดียวกัน ว่าการจัดสรรงบประมาณปี 68 ไม่เหมาะสมกับประเทศไทยในอนาคต มีความพยายามที่จะเบียดบังงบประมาณเพื่อให้นโยบายของภาครัฐ ที่เป็นแกนนำจะตั้งรัฐบาล สามารถสำเร็จลุล่วงได้โดยไม่สนใจว่าจะไปเบียดบัง งบประมาณส่วนอื่น"  นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

ส่วนมาตรการจัดการสส.ที่โหวตสวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า แต่ละพรรคคงต้องควบคุมเสียงของตนเอง และแต่ละครั้งก็ต้องมีการลงโทษทางพรรคของตนเอง หากไม่สามารถควบคุมเสียงของตนเองได้ เพียงแต่ตอนนี้มีมติร่วมกันว่าไม่รับหลักการส่วนของพรรคก้าวไกลยืนยันไม่มีคนโหวตสวน

ขณะที่ภาพรวมการอภิปรายทั้ง 3 วัน เป็นไปในทางที่ดีเน้นเนื้อหาจริงๆฝั่งรัฐบาลก็ไม่ได้ลุกขึ้นประท้วงอะไร เราพูดกันด้วยเนื้อหาพูดกันด้วยสาระ การชี้แจงและอภิปรายที่ดีเป็นที่น่าพอใจ

ด้านนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า มี3เหตุผลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่รับร่างฉบับนี้

1.เรากำลังจัดทำงบประมาณที่พาประเทศเข้าไปเสี่ยง ทั้งเรื่องของปัญหาทางการคลัง เสี่ยงที่ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อสู้กับความท้าทายใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นได้ ปีนี้เป็นปีที่เราขาดทุนสูงที่สุด และมีการขาดดุลงบประมาณเต็มเพดานจนทำให้ประเทศไม่สามารถที่จะรองรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในอนาคตได้เพียงเพื่อที่จะต้องทำโครงการที่เป็นโครงการเรือธงโครงการเดียวของรัฐบาลคือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 

2.รัฐบาลพยายามที่จะทำโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทมาก จนละเลยโครงการอื่นที่สำคัญ  เช่นIgnite Thailand,Soft Power ,โครงการช่วยเหลือ SME จนงบประมาณไม่เพียงพอ 

3.ประเทศยังคงมีความท้าทายใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่สามารถที่จะรับร่างงบปี 68 เพียงเพื่อที่จะส่งมอบนโยบายที่เป็นเรือธงใหญ่นโยบายเดียวได้แต่นโยบายอื่น ถูกละเลยและรวมถึงการเตรียมความพร้อม กับความท้าทาย ใหม่ๆที่ประเทศจะต้องรับมือ

ส่วนจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการ จัดสรรงบประมาณให้กับโครงการดิจิตอลวอลเล็ตหรือไม่นั้น นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า ตามกระบวนการทางกฎหมายถ้าต้องการยับยั้งโครงการเรือธงก็ต้องรอให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ผ่านวาระ 3 ไปก่อนเพราะอาจจะมีการแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการ แต่หลังจากนั้นถ้ายังจะดื้อดึงที่จะทำต่อจนโครงการนี้เกิดขึ้นจริงก่อนจึงจะมีการไปร้องต่อศาล 

"วันนี้ถือว่า การกระทำยังไม่เกิด ส่วนการทำงานในชั้นคณะกรรมาธิการนั้น รอบนี้คงไม่มีเหตุผลข้ออ้างใดๆ กรรมาธิการจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้งบประมาณปี 68 เป็นไปยังมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายมากที่สุด" 

นอกจากนี้ ขอชื่นชมการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะสส.ฝั่งเพื่อไทยที่ในรอบนี้มีการเตรียมการในการอภิปรายมาเป็นอย่างดี และมีข้อมูลที่ค่อนข้างหนักแน่นแต่น่าเสียดาย ที่ข้อมูลที่หนักแน่นนั้นไม่สามารถที่จะเป็นเหตุผล กับการจัดงบประมาณที่เกิดขึ้นได้เลยเหมือนบอกเหตุผลอีกอย่างแต่งบประมาณจัดอีกอย่าง แต่ก็เข้าใจว่าสส.อาจจะเพิ่งเข้ามาเห็นงบประมาณ จึงอยากเสนอแนะว่าในโอกาสหน้าให้เข้าไปร่วมในกระบวนการจัดทำเพื่อได้ขับเคลื่อนนโยบายที่ตัวเองเห็นว่าสำคัญตามเหตุผลที่ได้ อภิปรายและทำให้เกิดขึ้นจริงในงบประมาณปีต่อไป ไม่ฉะนั้นจะเห็นว่าเหตุผลทุกอย่างงบประมาณจัดอีกอย่าง

ขณะที่นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีมติ ไม่เห็นชอบไม่รับหลักการร่างพรบฉบับนี้ ด้วยประเด็นที่เห็นว่างบประมาณในปีนี้มีความพยายามที่จะกู้เงินเพื่อไปทำโครงการที่สำคัญของรัฐบาล

อย่างโครงการดิจิตอลวอลเล็ต เพราะโครงการนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณปีนี้เพียงอย่างเดียวยังต้องกลับไปใช้ปี 67 และต้องออกพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมอีก และมีความพยายามที่จะกู้เงินจากธกส.อีก ซึ่งต้องแลกมาด้วยค่าเสียโอกาสที่จะสามารถนำไปทำโครงการอื่นๆได้ รัฐบาลคนฟังคำทวงจริงจากหลายๆภาคส่วน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

อีกทั้งรัฐบาลไม่ใส่ใจปัญหาอื่นๆของประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง มิจฉาชีพ สิ่งแวดล้อม แต่งบประมาณก็ยังจัดสรรค์แบบเดิมๆ 

ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ยืนยันว่าความมีประสิทธิภาพในการจัดทำงบประมาณชุดนี้ของรัฐบาล ขาดไป ไม่สามารถตอบสนองพันธกิจต่างๆความจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลไม่ได้เอาประชาชนไปศูนย์กลางจริงๆ เอาแต่ความต้องการส่วนพรรคส่วนตน