posttoday

"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" ปฏิเสธดีลเรียก10ล้านแฉ"บิ๊กตำรวจ"

08 กรกฎาคม 2567

"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" ชี้อัยการส่งสำนวนคดีพันเว็บพนันมินนี่ให้ป.ป.ช.ถูกฝาแล้ว ถามกลุ่มนายพลชลบุรีโดนสั่งฟ้องคดีอาญาทำไมโดนให้ออกจากราชการ ชี้การสอบสวนบิดเบี้ยวตั้งแต่ต้น ยันไร้ดีลเรียก10ล้านบาทแฉกลับ"บิ๊กตำรวจ"

เมื่อวันที่ 8ก.ค.67 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า กรณีพนักงานสอบสวน บช.สอท.คดีเว็บพนันมินนี่ นำสำนวนที่มีลูกน้องของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตกเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด 8 นาย จากทั้งหมด 14 คนที่มีพลเรือนรวมอยู่ด้วย ส่งมอบให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนเพื่อชี้มูลความผิด ว่า เนื่อจากอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนคดีเหล่านี้เป็นอำนาจของป.ป.ช.ไม่ใช่อำนาจของตำรวจที่จะสั่งฟ้องเองเพราะเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามพ.ร.บ.ติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ที่ระบุว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนรวบรวมหลักฐานในเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะให้ออกหมายเรียก หมายจับ สุดท้ายจะเห็นว่าหลักกฎหมายมีหลักเดียว อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนคดีนี้ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของอัยการ เป็นอำนาจของป.ป.ช.ก็เลยส่งคืนสำนวนไปให้พนักงานสอบสวน ดังนั้นพนักงานสอบสวนก็ต้องส่งสำนวนกลับไปยังป.ป.ช.

"ตำรวจจะสอบสวนได้เฉพาะคดีความผิดอาญาลัก วิ่ง ชิง ปล้น ก็ว่าไป แต่ถ้าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไงก็ต้องส่งสำนวนคดีให้ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน ไม่ใช่ตำรวจจะดึงไปสอบเอง แล้วทำผิดฝาผิดตัว ส่งสำนวนคดีไปให้อัยการ ดังนั้นอัยการจึงไม่เอาด้วย ก็จะต้องส่งสำนวนกลับไปให้พนักงานสอบสวนผมได้กล่าวหาพนักงานสอบสวนทั้งชุดแล้วว่าดำเนินการสอบสวนโดยมิชอบ และไม่เคยมีใครเรียกเงิน 10 ล้าน เพื่อแลกกับการแฉนายตำรวจระดับสูง"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จนถึงระดับรองผู้บังคับการจังหวัด และระดับสารวัตร โดนคำสั่งฟ้อง 20 กว่าราย ซึ่งคดีนี้เดิมตัวเองเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนต่อมาเปลี่ยนเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แล้วได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการสุดท้ายก็มีการสั่งฟ้อง จึงมีคำถามว่า "เมื่อสั่งฟ้องข้อหาคดีอาญา" เป็นคดีที่ประชาชนสนใจทั้งประเทศ มีผู้เสียหายชัดเจน แล้วจะ"ต้องออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่" 

"ผมกำลังชี้ให้เห็นว่าทำไมไม่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเหมือนกับผม ที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจ พูดว่าจะให้ความเป็นธรรม ก็เป็นเพียงแค่คำพูด วลี หรือวาทกรรม ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับคดีนี้เริ่มบิดเบี้ยวตั้งแต่การสอบสวนแล้ว จะเห็นได้ว่ากรณีที่พบเห็นเส้นทางการเงินมากว่า 300 ล้านบาท จะต้องส่งสำนวนการสอบสวนให้กับดีเอสไอก็ไม่ส่งและเมื่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่ส่งสำนวนคดีให้ป.ป.ช.ก็พยายามดึงไว้ทำเอง ออกหมายเรียก หมายจับ  ดังนั้นการสอบสวนจะต้องดำเนินการอย่างถูกต้องและเป็นธรรม" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว