posttoday

กรมอุทยานฯ ดักคอ ส.ป.ก. ชี้ถ้ามอบ ป่าทับลาน2.6แสนไร่ ห้ามมอบให้นายทุนต่อ

17 กรกฎาคม 2567

กรมอุทยาน กังวล ศักยภาพ เจ้าหน้าที่ส.ป.ก. เผย หากมอบพื้นที่ป่าทับลาน 2.6 แสนไร่ ต้องถึงมือคนมีคุณสมบัติครบ ห้ามมอบให้นายทุนต่อ กมธ.ที่ดิน เรียกร้อง กระทรวงทรัพย์ฯ ไขความกระจ่างจัดสรรพื้นที่ 2.6 แสนไร่ ให้ชัด คนอยู่ก่อน สภาพชุมชน เตรียมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องแจงเพิ่ม

ที่อาคารรัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวว่า ผลการประชุมการพิจารณากรณีที่มีการจัดสรรที่ดิน ทำกินให้กับประชาชนในบริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีปัญหาที่ดินอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปัจจุบัน กรมอุทยานฯ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กองกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กองทัพภาคที่ 2 ผู้ตรวจการแผ่นดิน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร รวมถึงตัวแทนประชาชนในพื้นที่ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมติของการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้ทางคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ใช้เส้นปรับปรุงตามการสำรวจแนวเขตปี 2543 หรือที่รู้จักกันว่า One Map และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ทุกคนทั้งหน่วยงานรัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องควรใช้แนวทางการรักษาสิทธิ์ของประชาชน ในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มของประชาชนที่ได้รับพื้นที่ส.ป.ก. ,กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ประชาชนกลุ่มนี้ควรจะตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน ในการพิสูจน์สิทธิ์ เพราะถือว่าเป็นแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่ทับลานถัดไป 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ทางคณะกรรมการต้องพิสูจน์ให้เกิดข้อเท็จจริง จะมีการเชิญสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)ในแนวทางการแจกจ่ายที่ดินให้กับประชาชนที่สมควรได้รับสิทธิ์ อาจจะต้องตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว การดำเนินการเรื่องของการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นที่มีประชาชนร่วมลงชื่อนับล้านคน ทางคณะกรรมการจะขอข้อมูลโดยเฉพาะระเบียบของการมีส่วนร่วมของชุมชนของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้ามาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง อาจมีการขอมติเพื่อส่งเรื่องให้กับคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ในกรณีนี้อาจพบว่า มีประเด็นข้อครหา ในเรื่องของคำถามที่อาจจะสร้างความสับสนให้กับผู้ลงคะแนนเสียงได้ 

ในที่ประชุม ยังมีความเห็นว่าจะต้องเร่งรัดการดำเนินการของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติในการพิจารณารับรองแนวเขต ซึ่งจะใช้แนวเขตของ One Map ในการพิจารณา ขณะเดียวกันคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ต้องให้การรับรองแนวเขตนี้เช่นเดียวกัน กรรมาธิการได้ขอเอกสารเพิ่มเติม เช่นบันทึกการประชุมของอนุกรรมการ One Map รวมถึงบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อทำให้เกิดความชัดเจน ในแต่ละประเด็นที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันในที่ประชุม 

ส่วนเรื่องคดีประมาณ 552 คดีที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติได้ดำเนินการอยู่ ณ ตอนนี้ต้องขอข้อมูลในบางคดีเพื่อตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งในที่ประชุมสำนักงานนโยบายที่ดินแห่งชาติได้แจ้งกับที่ประชุมว่า สำนักงานกฤษฎีกามีความเห็นว่าจะไม่มีผลต่อรูปคดีในการเปลี่ยนแปลงเขตที่ดิน ของกรมอุทยานเป็นของส.ป.ก.

นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการที่ดินกล่าวว่า จากคำชี้แจงของกรมอุทยานได้มีการยอมรับแนวเขต One Map ที่ครม. ได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ส่วนนี้จะมีความสับสนคือ แผนที่ One Map ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เป็นแผนที่ที่ใกล้เคียงหรือลักษณะเดียวกัน กับแผนที่ปี 2543 เมื่อคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบไปแล้วก็จะต้องมีการแก้ไข กฎหมายเพื่อที่จะเพิกถอน แนวเขตอุทยานปัญหาคือ กระบวนการในการเพิกถอนเขตอุทยาน

ในการดำเนินการกฎหมายกำหนดว่า ต้องจัดรับฟังความคิดเห็น ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องราวในสังคมขึ้นมา ในการดำเนินการทางกรมอุทยานทำให้สังคมเข้าใจว่า พื้นที่ 2.6 แสนไร่ ที่จะมีการเพิกถอน มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ สังคมจึงเข้าใจแบบนี้มาโดยตลอด คนจึงคัดค้าน ในการเพิกถอนพื้นที่ป่าตรงนี้ ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริง คือพื้นที่ 2.6 แสนไร่นี้ ไม่มีสภาพเป็นป่า เป็นชุมชน มีวัดวาอาราม มีตลาด มีโรงเรียน มีสถานพยาบาล อยู่ในนั้น 

ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายการเมืองของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องออกมาแสดงความกระจ่างต่อสังคมว่า พื้นที่ 2.6 แสนไร่ ความจริงคืออะไร การเพิกถอน พื้นที่ 2.6 แสนไร่ ไม่ใช่เป็นการเอาพื้นที่ที่มีป่าสมบูรณ์ ไปออกเอกสารสิทธิ์ เป็นการคุ้มครองสิทธิ์ ของคนที่เขาอยู่มาก่อน ส่วนสิทธิ์จะเป็นแบบไหนก็ว่าไปตามกฎหมายที่เกิดขึ้น

ทางอุทยานมีความกังวลว่าพนักงานส.ป.ก. อาจจะไม่มีศักยภาพเพียงพอ ในการจัดการพื้นที่ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาและมีข้อครหาหลายประการ เรื่องนี้สังคมก็กังขา การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานส.ป.ก.ฉะนั้นเรื่องนี้สำนักงานส.ป.ก. จำเป็นที่จะต้องทำให้กรมอุทยาน เชื่อได้ว่า ถ้าเพิกถอนเขตอุทยาน ส่งมอบพื้นที่ให้ส.ป.ก.บางส่วน ส.ป.ก.จะดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้พื้นที่เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของคนที่มีคุณสมบัติจริงๆ ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของนายทุน