posttoday

ย้อนคำทำนายประเทศไทยถึง"ถิ่นกาขาวชาววิไล"สู่อนาคต"ก้าวไกล"?

02 สิงหาคม 2567

ย้อนคำทำนายประเทศไทย ผ่านยุคสมัยอดีตสู่"ถิ่นกาขาวชาววิไล"ชื่อพรรคการเมืองที่ก้าวไกลเตรียมไว้รองรับ7สิงหาวันชี้ชะตาคดียุบพรรค

สถานการณ์ทางการเมืองเดือนสิงหาคม 2567 กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง จับตา 7สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลหรือไม่

ขณะที่ก้าวไกลเตรียมการสำหรับย้ายไปพรรคการเมืองใหม่ชื่อ"ถิ่นกาขาวชาววิไล" ในราชกิจจานุกเษก 3 สิงหาคม 2566 ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เล่ม 140 ตอนที่ 58 ง หน้า 133 (คลิกอ่าน)

พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ใช้เครื่องหมายพรรคเป็นรูปใบโพธิ์สีเขียว มีพื้นหลังสีขาว ล้อมรอบด้วยเส้นวงกลมสีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงินตามลำดับ ภายในของเส้นวงกลมสีน้ำเงินนั้น มีชื่อพรรคเป็นอักษรภาษาไทย "พรรคถิ่นกาชาวชาววิไล"และอักษรภาษาอังกฤษว่า "THINKAKHAO CHAOVILAI PARTY" แล้วล้อมรอบด้วยดอกบัวสีชมพูสด

พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล หมายถึง ถิ่นที่อยู่ของคนดี คนที่มีศีลธรรมประจำใจ และมีความสง่างามของสามัญชนคนธรรมดาทั่วไป ได้อยู่ดีกินดี มีความสุข มีจรรยามารยาทที่สวยงาม มีลักษณะสมบูรณ์ ใครได้พบเห็นก็เกิดความพึงพอใจ เช่นคนที่มีผิวพรรณงาม รูปลักษณ์งาม กิริยางาม

การตั้งพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ไปสอดคล้องกับ ความเชื่อ หลากหลายตำรา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำอนาคตของประเทศไทย บ้างก็ว่า มาจากพระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) พระเถระ เกจิชื่อดังตั้งแต่สมัยอยุธยา บ้างก็ว่ามาจากพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี พระเกจิชื่อดังในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

หลัง “สมเด็จโต”มรณภาพมีการพบกระดาษแผ่นมีลายมือของท่านเขียนไว้ 10 คำว่า “มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์จน ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาวศิวิไลซ์”

คำพยากรณ์อนาคตของประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงมีบันทึกของวัดท่าซุง หลวงพ่อฤษีลิงดำเล่าไว้เอง (คลิกอ่าน) ดังนี้

ในช่วงปี พ.ศ.2518 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุงเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2518 ทรงได้ตรัสถามความเป็นไปของบ้านเมืองในอนาคต 

หลวงพ่อฤษีลิงดำได้ถวายวิสัชนาว่า

“ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2520เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่งสมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. 2524 เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป”

 

หลวงพ่อฤษีลิงดำ กล้ายันยันเช่นนั้นเพราะได้พบและได้อ่านสมุดข่อยซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เกจิชื่อดังสมัยอยุธยา ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีฯ จะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่าและก่อนที่จะมีกรุงรัตนโกสินทร์ว่า

“กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แต่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรีอยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติได้แล้วจะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่”

สมุดข่อยเล่มเดียวกันกล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในกาลข้างหน้าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้

รัชกาลที่ 1. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์

ตรงกับทำนายว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงใช้ความเด็ดขาดปราบปรามการจลาจลวุ่นวายในกรุงธนบุรีเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชวิกลจริตและทรงสร้างความสงบสุขกลับมาสู่บ้านเมืองและปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์  

รัชกาลที่ 2. ทำนายว่า รู้จักธรรม

ตรงกับทำนายว่า บ้านเมืองจะสงบ ทำให้พระสงฆ์มีเวลาสะสางพระไตรปิฎก ค้นคว้าพระธรรมวินัยมารวบรวมไว้ แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เห็นต่างว่า เป็นยุค “พาลยักษ์” เพราะได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดอหิวาต์ระบาดครั้งรุนแรง ศพลอยเกลื่อนตามลำน้ำจนใช้อาบกินไม่ได้ บ้านเมืองเงียบสงบเหมือนเป็นเมืองร้าง 

รัชกาลที่ 3. ทำนายว่า จำต้องคิด

ตรงกับทำนายว่า มีการเปิดประตูประเทศให้ฝรั่งเข้ามาเพียงไม่กี่คนก็ยังก่อความวุ่นวาย  อังกฤษและอเมริกาได้ส่งทูตเข้ามาขอทำสัญญาพระราชไมตรี  ทรงเก็บเงินกำไรจากการค้าสำเภาใส่ถุงแดง รับสั่งว่า “เอาไว้ไถ่ประเทศ” ก็ได้ใช้ไถ่จริงจากฝรั่งเศส 

รัชกาลที่ 4. ทำนายว่า สนิทธรรม

ตรงกับทำนายว่า รัชกาลที่4 กษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงลาผนวชจากเจ้าอาวาสมาขึ้นครองราชย์ และยังเคร่งครัดทรงชุดขาวถือศีล8 ฟังธรรมทุกวันพระ สมเด็จโตซึ่งอยู่ในช่วงเวลานี้ เป็นคู่ถกคู่เทศน์กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ทรงผนวชจนขึ้นครองราชย์ 

รัชกาลที่ 5 ทำนายว่า จำแขนขาด

ตรงกับคำทำนายว่า เป็นยุคขมขื่นใจสำหรับราชอาณาจักรไทยจากลัทธิล่าอาณานิคมของอังกฤษ ฝรั่งเศส ที่เข้ายึดครองประเทศรอบด้าน รัชกาลที่ทรงใช้นโยบายสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้

รัชกาลที่ 6 ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร

ตรงกับคำทำนายว่า รัชกาลที่6 ทรงมีน้ำพระทัย เมตตาต่อข้าราชบริพารทำให้บางคนฉวยโอกาสกอบโกยความมั่งคั่ง หมู่ราษฎรมีแต่ความยากจน เหมือนทรงเลี้ยงโจรปล้นราษฎร แต่หลวงพ่อฤษีลิงดำเห็นว่าทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่างให้เห็นว่าไม่ทรงถือพระองค์  

รัชกาลที่ 7 ทำนายว่า นั่งทนทุกข์

 ตรงกับคำทำนายว่า พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมากต้องจำพระทัยสละราชสมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์เป็นยุคที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ ไทยก็ตกหนักจนถึงไม่มีเงินจ่ายข้าราชการ 

รัชกาลที่ 8 ทำนายว่า ยุคทมิฬ

ตรงกับคำทำนายว่า บ้านเมืองอยู่ในภวะ สงครามโลกครั้งที่2 ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้นแสนสาหัส มีคดีลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต สถานการณ์ทางการเมือง เผด็จการเต็มรูปแบบ มีการสั่งจับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามในข้อหากบฏศาลพิเศษก็ตัดสินประหารชีวิต18นักการเมืองคนดังรวด

รัชกาลที่ 9 ทำนายว่า ถิ่นกาขาว

ตรงกับคำทำนายว่า เป็นยุคที่มีฝรั่งเข้ามาเมืองไทยมากที่สุด นอกจากนักธุรกิจ ผู้เกษียณอายุที่มายึดเอาเมืองไทยเป็นเรือนตายแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวไหลบ่าเข้ามาอย่างมหาศาล จนเมืองไทยดังไปทั่วโลก 

รัชกาลที่ 10. ทำนายว่า ชาววิไล

ตรงกับคำทำนายว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้ว จะได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะ ชาวศิวิไลซ์ หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองสงบสุขร่มเย็น แต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาใช้คำว่า “ชาววิไล” ซึ่งหมายถึงความงามคนสมัยก่อนหรือ“ยุคพระศรีอาริย์”ตีความหมายเทียบยุคปัจุบันว่า"ยุคโซเชียลลิสม์"

แม้หลวงพ่อฤษีลิงดำ จะการันตีว่า คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) แม่นยำแต่ก็มีกังขาอยู่บางเรื่องเช่น“ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลหรือไม่”อจึงได้สอบถามหลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญายืนยันตรงกันว่า

"พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน" 

แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่รัชกาลที่ 10 เพราะนับจากนี้เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งมีแต่ความเจริญดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก 

ส่วนอนาคตก้าวไกลจะเป็นเช่นไรนับจากนี้ อีกไม่นานคงได้รู้กัน
 
 

 
 

Thailand Web Stat