posttoday

ไขปมทำไมต้องเป็น"บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ" ลุ้นว่าที่ผบ.ตร.คนที่15

11 สิงหาคม 2567

สปอร์ตไลท์สาดส่อง"บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ อาวุโสลำดับที่ 1 ครบเครื่องนักบริหารประสานงานชั้นยอดเข้าใจการเมืองไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ณห้วงเวลา"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หมดโอกาสลุ้นเก้าอี้ว่าที่ผบ.ตร.คนที่15

ภายหลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร) มีมติวินิจฉัยชี้ขาด 6ต่อ0เสียง ยกอุทธรณ์ของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล โดยเห็นว่า คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนลงนามโดย"บิ๊กต่าย"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ขณะรักษาการผบ.ตร.ชอบด้วยกฎหมาย โดยใช้ดุลยพินิจอย่างเหมาะสม ส่งผลให้เส้นทางการเป็นผบ.ตร.คนที่15 ของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ริบหรี่ทันที ต่อให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 90 วัน ตามสิทธิก็เป็นกระบวนการพิจารณาที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน อย่างน้อยคือ 2 ปี และยังต้องรอลุ้นผลคำพิพากษาของศาลอีกชั้นหนึ่งว่า จะออกมาในทิศทางที่เป็นคุณต่อตัวเองหรือไม่  
 

มีคำถามตามมาว่า เมื่อ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หมดสิทธิ์ลุ้นเก้าอี้ว่าที่ผบ.ตร.คนที่15แล้ว ตำแหน่ง "พิทักษ์1" ใครมีสิทธิผงาดก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจาก "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล" ผบ.ตร.คนที่14 สปอร์ตไลท์ถูกสาดส่องไปที่ "บิ๊กต่าย"  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ในฐานะอาวุโสลำดับที่ 1 ซึ่งการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 15 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค.67เพราะต้องรอให้ประกาศ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจปี พ.ศ.2567 ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 5 เม.ย.2567 โดยจะมีผลบังคับ 180 วันให้หลัง ที่มีประกาศ ซึ่งตรงกับ 2ตุลาคม 2567
 
สำหรับ "บิ๊กต่าย" จะมีอายุครบ 59ปี  8ธ.ค.2567 แต่เกษียณอายุราชการในปี2569 เพราะเกิดช่วงปลายปีมีสิทธิได้รับราชการต่ออีก1ปี ตามกฎการนับอายุของบุคคลให้เริ่มนับแต่วันเกิด ไม่ใช่ตามปีงบประมาณ เขาเริ่มต้นชีวิตรับราชการตำรวจรุ่นที่ 41 ในตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองระยอง เติบโตในหน้าที่ราชการตามลำดับจนได้ดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร. และมีความโดดเด่นในการทำงานด้านบริหารมาตลอดไม่มีประวัติด่างพร้อยใดๆ อีกทั้งยังเคยเป็นนายตำรวจคนสนิทของ "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร.คนที่12 

คำถามต่อมาเหตุผลใดต้องเป็น"บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นผู้เหมาะสมสำหรับเก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่15 นอกจากผ่านงานบริหารมาอย่างครบเครื่อง เคยเป็นเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล1 รองจเรตำรวจ รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ติดยศพล.ต.ท.ในตำแหน่งผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 

การไม่มีประวัติด่างพร้อยในชีวิตรับราชการ รวมทั้งการมีเครือข่ายกองหนุนที่เกื้อกูล การเป็นเตรียมทหารรุ่น25 รุ่นเดียวกัล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นักเรียนนายร้อยรุ่นที่41 รุ่นเดียวกับพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. เรียกได้ว่า การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และวางตัวนิ่งในทุกสถานการณ์ของ"บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และประสานงานได้กับทุกฝ่ายทั้งปีก "เพื่อไทย-กลุ่มอำนาจเก่า-ผู้มีบารมีนอกสภา" การเป็นนักบริหารที่สามารถวางคน-ขุมกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรตำรวจนิ่งและเป็นการลดแรงกดดันจากภายนอกองค์กรได้

เส้นทาง"บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จากเด็กชายผู้ถือกำเนิดเมืองโอ่ง ราชบุรี แดนตะวันตก เติบโตชีวิตราชการตำรวจเมืองระยอง แดนตะวันออก จึงน่าลุ้นและถูกจับตาเป็น"กรณีพิเศษยิ่ง" ด้วยประการฉะนี้