ธีรยุทธ ชี้ มีพยานบุคคลหลายปาก เอาผิดทักษิณ แย้มเปิดชื่อหลังศาล รับคำร้อง
ธีรยุทธ อุบชื่อ พยานบุคคล ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องก่อน ชี้มีมากกว่า 1ปาก เหตุการณ์บ้านจันทร์ส่องหล้า ชั้น14รพ.ตำรวจ รับเคยพูดคุย ไพบูลย์ เหตุมีบางปม คาบเกี่ยวพลังประชารัฐ ไม่กลัวโดน เพื่อไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เผย ชี้แจงได้หมด
นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ เปิดเผยว่า การไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย เพราะได้ติดตามคำร้องจากประเด็นต่างๆ ที่มีผู้ไปยื่นก่อนหน้านี้แล้วนำมาประมวล ปะติดปะต่อว่า จากพฤติกรรมอย่างนี้ ลักษณะนี้ กลายเป็นข้อสงสัย ลักษณะอย่างนี้เข้าข่ายครอบงำหรือไม่ และมีบางประเด็นที่ไปคาบเกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ จึงได้ติดต่อไปหานายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พูดคุยสอบถาม ทำให้นายไพบูลย์ ทราบว่า ก่อนหน้าตนเคยไปยื่นให้มีการตรวจสอบพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ที่อัยการสูงสุดตั้งแต่วันที่ 24ก.ย. ท่านคงจะนับวันครบกำหนดเวลา 15 วัน หากยังไม่มีการดำเนินการ ทำให้ตนสามารถไปยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงได้ออกมาให้ข่าววันที่ 10ต.ค. จะมีเหตุการณ์อย่างนี้
กรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย จะตรวจสอบตนถึงความเกี่ยวพันกับบุคคลอื่นหรือไม่ ตลอดจนเส้นทางการเงินนั้น เรื่องนี้ก็ตรวจสอบได้ ไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ตอนนี้เท่าที่ทราบ ยังไม่ได้มีการยื่นให้ตรวจสอบ เป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต มั่นใจว่า สามารถชี้แจงได้หมดทุกเรื่อง
ถามว่า ในคำร้องที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีการอ้างถึงพยานบุคคลชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ กับ บ้านจันทร์ส่องหล้า มั่นใจว่า ข้อมูลตรงนี้จะสามารถเอาผิด ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมในการครอบงำได้ใช่หรือไม่ นายธีรยุทธกล่าวว่า ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับพยานเหล่านั้น คงต้องรอให้เรื่องที่ยื่นไปศาลรัฐธรรมนูญ แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยก่อน
บุคคลที่ตนระบุเป็นพยาน เป็นการหมายใจเอาไว้ด้วยตัวเราเอง ยังไม่ได้พูดคุยกันมาก่อน ไม่ขอระบุว่าเป็นใครบ้าง มีกี่ปาก แต่มีมากกว่า 1 คนแน่นอน หากบุคคลที่เป็นพยาน ที่ดูแล้วเป็นคนกลาง มั่นใจว่า ศาลจะรับฟัง ที่ยังไม่ได้พูดคุยกับพยาน ยังไม่ได้บอกก่อน เพราะจะทำให้ความบริสุทธิ์ของพยานน้อยลง เพียงแต่ หมายใจเอาไว้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่องของตนไว้พิจารณาไต่สวน จะบอกได้ว่า พยานเหล่านั้น เป็นใครบ้าง
ถามอีกว่า จากการไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นหัวเชื้อนำไปสู่ปลายทางให้มีการยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายธีรยุทธกล่าวว่า คงต้องรอดูก่อนว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับกรณีของตนไว้วินิจฉัยหรือไม่ ตนไม่ได้คาดหมายว่าจะต้องมีการยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค แม้ก่อนหน้าเคยไปยื่นต่อศาลกรณีพรรคก้าวไกล มีความแตกต่างกัน กรณีก้าวไกล ศาลพิจารณาจากคำวินิจฉัยเดิม แล้วนำมาเทียบเคียง แต่กรณีพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ มีความนุ่มลึกทางข้อมูลลงไปอีก แต่เมื่อตนได้นำคำร้อง เหตุการณ์ต่างๆมาปะติดปะต่อได้เห็นภาพที่ชัดขึ้น