เพื่อไทยหนุนชาญชิงนายกฯอบจ.ปทุมฯเป็นที่ประจักษ์สู่ยุบพรรคการเมือง
ผ่าพ.ร.ป.พรรคการเมือง กางม.93โยงม.92 นพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว มั่นใจหลักฐานประจักษ์ชัดยุบเพื่อไทยส่งชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครนายกอบจ.ปทุมธานี แต่ถูกสอยร่วงปมทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพแจกน้ำท่วมใหญ่ปี54
นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย จากเหตุมีมติส่ง นายชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครนายก อบจ.ปทุมธานี ในนามพรรคเพื่อไทย ทั้งที่นายชาญถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน จ.ปทุมธานี ปี 2554
ต่อมา 24ตุลาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาให้จำคุก 6 ปี 18 เดือน ซึ่งนายชาญ กับพวกจำเลยรวม 7 คนยื่นคำร้องขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยเสนอหลักทรัพย์ อาทิ เงินสด และโฉนดที่ดิน
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 7 ระหว่างอุทธรณ์ โดยมีประกันและหลักประกัน ตีราคาประกัน คนละ 500,000 บาท
นายนพรุจ ใช้ช่องทางกฎหมายตามมาตรา 93 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้เลขากกต.ในฐานะนายทะเบียนส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าพฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ส่งนายชาญลงสมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี เข้าข่ายเป็นความผิดยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ โดยพิจารณาตามมาตรา 93 บัญญัติว่า
เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา 92 ให้นายทะเบียนรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
วรรคสอง ในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 92 คณะกรรมการจะยื่นคำร้องเอง หรือจะมอบหมายให้นายทะเบียนเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินคดีแทนก็ได้ และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจะขอให้อัยการสูงสุดช่วยเหลือ ดำเนินการในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธธรรมนูญจนกว่าจะเสร็จสิ้นก็ได้
และวรรคสาม ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้พรรคการเมืองระงับการกระทำใดไว้เป็นการชั่วคราวตามคำร้องขอของคณะกรรมการ นายทะเบียน หรืออัยการสูงสุด แล้วแต่กรณี ก็ได้
ช่องทางที่จะนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย ตามคำร้องของนายนพรุจ ผูกโยงตามมาตรา92 บัญญัติว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการ อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ดังนั้น เมื่อศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาให้จำคุกนายชาญ 6 ปี 18 เดือนผิดทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน จ.ปทุมธานี ปี 2554
เป็นไปตามอนุมาตรา (4) มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกำหนดและเมื่อศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทำการดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ความเห็นของนายนพรุจ การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ครั้งที่ 1และ2 นายชาญยังเป็นผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม แม้ครั้งที่ 2 จะไม่ได้ใช้ชื่อในนามพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่การแข่งขันก็ยึดถือใบสมัครใบแรกจึงเลี่ยงประเด็นนี้ไม่ได้
หลังวันที่ 24 ต.ค.67 ศาลอาญาทุจริตฯมีคำพิพากษาแล้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายอาจไม่ทราบเรื่องที่เพื่อไทยมีมติส่งนายชาญลงสมัคร และกกต.ให้ใบเหลืองนายชาญกกต.ถือว่ามีส่วนทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีครั้งแรกไม่สุจริต เนื่องจาก น.ส.แพทองธารเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่โดยหลักกฎหมายแล้วหัวหน้าพรรคต้องรับรู้เรื่องทั้งหมด
การที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯมีคำพิพากษาจำคุกนายชาญในวันที่ 24 ต.ค. 67 และนำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมก็เท่ากับให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรู้ว่าสิ่งที่ได้ร้องเรียนมานั้นเป็นความจริงที่ปรากฏชัดเจนแล้ว
ดั้งนั้น เหลือเพียงนายทะเบียนพรรคการเมืองนำเรื่องทั้งหมดส่งให้ กกต.มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป