พริษฐ์ วัชรสินธุ หวังประเทศไทยมีรธน.ใหม่ก่อนเลือกตั้งครั้งถัดไป
พริษฐ์ วัชรสินธุ แจง กมธ.การเมืองฯ ขอเข้าพบ 'นายกฯ-ประธานรัฐสภา-ประธานศาล รธน.' ร่วมหาทางออกให้ไทยมี รธน.ใหม่ใช้ทันในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ตามเป้าหมายที่สัญญาไว้กับประชาชนและต้องอาศัยหลายภาคส่วนจับมือกัน
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองฯ ออกหนังสือขอเข้าพบ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ หวังร่วมหาทางออกให้ประเทศมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป โดยระบุว่า ณ เวลานี้ เกือบเป็นที่แน่นอนแล้ว ว่าหากรัฐบาลเดินตาม “แผนเดิม” เราจะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ที่ถูกจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ) บังคับใช้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป ตามนโยบายที่รัฐบาลเคยได้ประกาศไว้
นายพริษฐ์ ระบุว่า แต่ ณ ปัจจุบัน การพิจารณาร่างร่างแก้ไข พ.ร.บ. ยังไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจากความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จนทำให้ประชามติรอบแรกยากที่จะเกิดขึ้นทันช่วงเดียวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นใน ก.พ. 2568 (ซึ่งเป็นแผนเดิมของรัฐบาล) ดังนั้น เห็นว่าหากรัฐบาลยังต้องการบรรลุเป้าหมายในการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้ก่อนการเลือกตั้ง รัฐบาลจำเป็นต้องคิด “แผนใหม่” โดยในบรรดาทางเลือกที่เหลืออยู่ เห็นว่าทางเดียวที่เป็นไปได้ คือการลดจำนวนประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง
ขั้นตอนแรกของกระบวนการดังกล่าวคือการให้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (แก้ไขมาตรา 256 & เพิ่มหมวด 15/1) - แม้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลต่างได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญลักษณะดังกล่าวสู่รัฐสภาตั้งแต่ต้นปี 2567 แต่รัฐสภายังไม่ได้มีโอกาสพิจารณาร่างเหล่านั้นเพราะประธานรัฐสภาตัดสินใจไม่บรรจุร่างดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ซึ่งยังมีการตีความที่แตกต่างกันระหว่างสมาชิกรัฐสภาและภายในสังคม
แม้เคยอภิปรายโดยละเอียดว่าทำไมเห็นว่าการเดินหน้าด้วยกระบวนการประชามติ 2 ครั้ง และการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร. เข้าสู่รัฐสภา สอดคล้องกับกฎหมายและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ แต่เพื่อทำความเข้าใจและหาทางออกร่วมกับทุกฝ่าย ตนและ กมธ. พัฒนาการเมือง จึงได้ทำหนังสือขอเข้าพบกับ 3 บุคคลสำคัญ เพื่อร่วมหารือถึงทางออกและ ““แผนใหม่” ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ทันก่อนการเลือกตั้ง
1. นายกรัฐมนตรี (ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล) โดยส่วนตัว หวังจะหารือกับทุกพรรคการเมืองในรัฐบาล ให้เห็นตรงกันถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในการเดินหน้าด้วยแผนการทำประชามติ 2 ครั้ง (รวมถึงร่วมกันหาวิธีการในการหารือกับสมาชิกวุฒิสภาให้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน)
2. ประธานรัฐสภา โดยส่วนตัว หวังจะหารือให้ประธานรัฐสภาเห็นว่าการทบทวนหันมาบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง สสร. ของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา (ซึ่งจะลดจำนวนประชามติจาก 3 เหลือ 2 ครั้ง) สอดคล้องกับกฎหมายและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
3. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยส่วนตัว หวังจะหารือให้ศาลรัฐธรรมนูญขยายความความหมายของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ากระบวนการและขั้นตอนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องประกอบด้วยการทำประชามติจำนวนกี่ครั้ง
"ผมหวังว่าทั้ง 3 ท่านจะยินดีให้ กมธ. พัฒนาการเมืองฯ เข้าพบท่านหรือตัวแทนของท่านที่สามารถตัดสินใจหรือให้ความเห็นแทนท่านได้ เพื่อร่วมหารือถึงทางออกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้กับประชาชนและต้องอาศัยหลายภาคส่วนในการจับมือกันเดินหน้าไปด้วยกัน" นายพริษฐ์ ระบุ
ที่มา เฟซบุ๊ก พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu