posttoday

รัฐบาลเผย UNHCR ยกย่องไทย ผู้นำระดับโลก แก้ปัญหาไร้สัญชาติ

02 พฤศจิกายน 2567

UNHCR ชื่นชม-ยกย่องไทย เป็นผู้นำระดับโลกและระดับภูมิภาคในการขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ รัฐบาลยืนยัน มติ ครม. 29 ต.ค. 67 ในการให้สัญชาติไทย เป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 50 ปี คนสีเทา แรงงานต่างด้าว ผู้หลบหนีเข้าเมืองทุกประเภทจะไม่มีสิทธิ์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ชื่นชมแนวทางแก้ปัญหาและยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของรัฐบาลไทย โดยระบุว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของไทยและประวัติศาสตร์ในการลดจำนวนผู้ไร้สัญชาติมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตาม ครม. เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ได้เห็นชอบตามที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอในการลดขั้นตอนการให้สัญชาติไทยกับบุคคล

UNHCR ชื่นชมความมุ่งมั่นของความเป็นผู้นำของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม ขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ปลดล็อกศักยภาพ เปิดโอกาสทางการศึกษาและการจ้างงาน 
 

นอกจากนี้ ยังยกย่องให้ไทย เป็นผู้นำระดับโลกและระดับภูมิภาคในการขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Alliance to End Stateless ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่เปิดตัวโดย UNHCR รวมทั้งได้ให้คำมั่นในการประชุม Global Refugee Forum 2023 เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ รวมทั้งยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันร่วมกับสหประชาชาติในด้านต่างๆ ด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมของไทย ยังได้ร่วมกับ UNHCR ได้จัดหน่วยบริการด้านทะเบียนราษฎรเคลื่อนที่ครบวงจร เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติให้กับกลุ่มชาติพันธุ์มอแกน ณ เกาะพยาม จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ประกาศที่จะทำให้ คนไทยทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี รวมทั้งมีโอกาสที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียม

 

“รัฐบาลยืนยันว่าการให้สัญชาติไทยนี้ เป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 50 ปี และเป็นขั้นตอนที่รัดกุมและปัจจุบันใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเก็บฐานข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะทำให้รัฐสามารถตรวจสอบและดูแลรวมทั้งควบคุมกลไก ซึ่งในอดีตที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่มีประวัติทำให้หลายครั้งก่ออาชญากรรม ยาเสพติด หรือเรื่องอื่นๆรัฐก็ไม่สามารถติดตามจับกุมเนื่องจากไม่มีถิ่นฐานที่อยู่ และรัฐบาลยืนยันว่ากลุ่มคนนอกเหนือจากนี้เช่นกลุ่มคนสีเทาหรือแรงงานต่างด้าวหรือผู้หลบหนีเข้าเมืองทุกประเภทจะไม่มีสิทธิ์ดังกล่าว“