“แพทองธาร” สั่งพาณิชย์ดูแลราคาสินค้าช่วงน้ำท่วมใต้ กำชับห้ามกักตุน
นายกฯ แพทองธารสั่งการ กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาสินค้าใกล้ชิด ห้ามกักตุนของขายซ้ำเติมผู้ประสบภัยภาคใต้ พร้อมเร่งฟื้นฟู ไฟเขียวมาตรการดูแลพักหนี้ 3 เดือน
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เช้าวันนี้ (4 ธ.ค.67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานในการปล่อย “คาราวานถุงยังชีพช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้” ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีการแพ็คถุงยังชีพเพื่อส่งไปภาคใต้อย่างเร่งด่วน ซึ่งถุงยังชีพจะถูกส่งไปถึง จ.สงขลาประมาณเที่ยงคืนวันนี้ และจะกระจายไปในจังหวัดภาคใต้ในช่วงเที่ยงของอีกวัน
ขณะที่มาตรการสำคัญที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังกระทรวงพาณิชย์ คือเรื่องของการดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ที่ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน
“ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ ขอให้ประชาชนแจ้งมาที่สายด่วน 1569 ทางกระทรวงพาณิชย์จะเร่งเข้าดำเนินการทันที ท่านนายกรัฐมนตรีขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางอย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความทุกข์ของพี่น้องประชาชน โดยขณะนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าเจรจาหารือกับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ทั้งห้างค้าส่ง-ค้าปลีก สำหรับการเตรียมการในช่วงหลังน้ำลด ขอให้มั่นใจว่าสินค้าจะไม่ขาดแคลนและหลังน้ำลดจะมีมาตรการธงฟ้าจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ซ่อมแซมที่จำเป็นในราคาถูก เพื่อลดภาระค่าครองชีพในยามวิกฤต”
นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส. ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่โทร.0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส.ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
“นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อพี่น้องภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย เพราะบ้านถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงานว่าการให้ความช่วยเหลือประชาชนถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเยียวยาในทุกมิติ”