'อนุทิน' แจงสว.ไร้ใบสั่งฮุบที่เขากระโดง กรมที่ดินทำตามคำพิพากษา
'อนุทิน ชาญวีรกูล'ตอบกระทู้สว. ปัดไร้ใบสั่งฮุบที่พิพาทเขากระโดง กรมที่ดินทำตามคำสั่งศาล ไม่รู้จักกรรมการ "ส" รับทะเบียนบ้านอยู่บุรีรัมย์เพราะความจำเป็นทางการเมือง
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ตอบกระทู้ถาม กรณีข้อพิพาทที่ดินพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์โดยมีน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้ตั้งถามและตั้งข้อสังเกตถึงเหตุผลที่คณะกรรมการที่ดินซึ่งตั้งตามกฎหมายมาตรา 61 วรรคสองไม่เพิกถอนโฉนดที่ออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนที่ดินที่ออกโดยมิชอบเพื่อคืนที่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพราะมีความเกี่ยวข้องเป็นกลุ่มเพื่อนเนวินซึ่งมีกรรมการ 4 คนหนึ่งในคณะกรรมการคือ “นายส.” ซึ่งเป็น นายก อบต.
นอกจากนี้มีเสียงเล่าขานว่า รมว.มหาดไทย มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านบริเวณเขากระโดงหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของอธิบดีกรมที่ดินจะมีมาตรการอย่างไรต่อมติของคณณะกรมการ รวมถึงจะเร่งรัดกรมที่ดินให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดงที่ออกโดยมิชอบหรือไม่
นายอนุทิน ชี้แจงว่าคำพิพากษาจากศาลฎีกาและศาลปกครองกลางว่าระบุว่าที่ดินกว่า 5,000 ไร่เป็นของ รฟท.เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเป็นข้อมูลที่บิดเบือน เพราะคำพิพากษาของศาลฎีกา เป็นกรณีที่ราษฎรที่อาศัยในพื้นที่มานาน ซึ่งขอกรมที่ดินออกโฉนดแต่พบว่า รฟท.คัดค้าน เมื่อความไม่ตรงกัน ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่าสิทธิในการออกโฉนดของชาวบ้านนั้น ไม่มี ไม่ใช่บอกว่าให้ไปเพิกถอนโฉนด ซึ่งกรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฎีกาอย่างครบถ้วนคือไม่มีการออกโฉนดให้
“ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้กระทรวงมหาดไทยที่เป็นหน่วยงานของรัฐไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งจะไม่ปฏิบัติตามของคำพิพากษาของศาล อย่าว่าแต่ศาลฎีกา ศาลชั้นต้นพิพากษามา การอุทธรณ์ฎีกาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้คำพิพากษาดังกล่าวผูกพันและบังคับได้เฉพาะคู่ความ คือราษฎรที่เป็นโจทก์ในคดีไม่อาจเป็นเหตุให้กรมที่ดินไปกระทำการใดๆต่อผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินแปลงอื่นๆได้ และศาลไม่ได้วินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,00 ไร่ การอ้างว่าคำพิพากษาเป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมด ถือเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา” นายอนุทิน ชี้แจง
รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อว่า ตามคำสั่งของศาลปกครอง ตามมาตรา 61 ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าหากอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และพิจารณาข้อเท็จจริงได้ผลเป็นเช่นไร ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะดำเนินการมีคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ ดังนั้นกรุณาไปตรวจสอบว่าความในมาตรา 61 ในการตั้งคณะกรรมการมีกำหนดว่าจะต้องตั้งใคร เช่น เหตุเกิดที่เขากระโดงต้องตั้งนายอำเภอ ที่เขากระโดงตั้งอยู่เป็นคณะกรรมการ จะไปเอาคนอื่นที่อยู่นอกพื้นที่เป็นกรรมการไม่ได้
“ส่วนที่ท่านระบุว่าเอา นาย ส. มาเป็นกรรมการผมไม่รู้จักและกล่าวถึงตระกูลชิดชอบ จะรู้จักนายส.หรือไม่ ผมคิดว่าเขาอาจจะรู้จักกัน เพราะเขาทำการเมืองอยู่ในพื้นที่ และคนที่เป็นนายกอบต.เป็นคนการเมือง มีเครือข่ายอาจจะรู้จักกันแต่จะสนิทกันมากน้อยแค่ไหน ผมไม่ทราบ แต่สำหรับผม ผมไม่รู้จักเลยและไม่มีความผูกพัน เกี่ยวพันใดๆ" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่สามารถสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานในเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับหรือเป็นสิ่งผิดได้ และไม่เคยทำนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ กำชับอธิบดีกรมที่ดินทั้งวาจา ต่อหน้า และในที่ประชุมว่าให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามกฎหมาย ตามระเบียบและต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้ยืนยันว่าการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีความเป็นธรรม และเหตุที่ตนมาชี้แจงครั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีความเกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับใคร และไม่รู้จักกับอธิบดีกรมที่ดิน
“ผมเคยถามอธิบดีกรมที่ดินว่า ถามจริงๆ เหอะ หากผมไม่ได้เป็น มท.1 คำตอบเป็นแบบนี้หรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินตอบว่าไม่ว่าใครเป็นมท.1 ผลวินิจฉัยของคณะกรรมการสอบสวน และอธิบดีกรมที่ดินสั่งยุติเรื่องเป็นแบบนี้ ไม่เป็นอย่างอื่นตามหลักฐานที่มีอยู่”
นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า ขอให้มั่นใจในการทำงานของกระทรวงมหาดไทยและ และตนเอง นั้นเคารพกติกาทุกอย่าง เมื่อมี มีมติคำสั่งกรรมาธิการ ตนพร้อมปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ส่วนทะเบียนบ้านที่มีที่อยู่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นความจำเป็นทางการเมืองเมื่อ 7 ปีก่อนตอนที่มีการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ชุดที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ผู้ที่จะสมัครสส.บัญชีรายชื่อ ต้องมีพื้นเพอยู่ในท้องที่จังหวัดนั้นๆ ทำให้ต้องย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่จ.บุรีรัมย์ ไปอยู่ฐานะผู้อาศัย แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายบวรศักดิ์ไม่บังคับใช้ และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่ได้บังคับไว้แต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านกลับมา
“ผมไปทำงานที่บุรีรัมย์เยอะ และรู้สึกเป็นคนบุรีรัมย์จึงไม่ได้ย้าย หากจะย้ายตอนนี้จะเป็นเรื่องอีก ดังนั้นขอให้สว.นันทนาฐานะผู้ตั้งคำถามให้ทราบ ว่าผมมีเจตนาบริสุทธิ์ทั้งสิ้น” นายอนุทิน กล่าว