กองทุนประกันสังคม "เล่นแร่แปรธาตุ" จ่าย 7,000ล้าน ซื้อตึกราคา 3,000ล้าน
"ไอซ์ รักชนก" แฉ กองทุนประกันสังคม "เล่นแร่แปรธาตุ" จ่าย 7,000ล้าน ซื้อตึกราคา 3,000ล้าน ถาม เก็บส่วนต่างเป็นทุนทรัพย์ในการเลือกตั้ง?
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และ สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าว ที่หน้าอาคาร SKYY9 Centre ย่านพระราม 9 กรณี “แฉเสียดฟ้า กองทุนประกันสังคมจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่” สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ซื้ออสังหาริมทรัพย์ย่านพระราม 9 ที่มีข้อสงสัยถึงปัญหาธรรมาภิบาล
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน
น.ส.รักชนก ระบุว่า การลงทุนของคือหัวใจสำคัญของกองทุนประกันสังคม เพราะการที่กองทุนจะอยู่ได้หรือจะล้มอยู่ที่การนำเงิน 2.6 ล้านล้านบาทในกองทุนไปบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งกรณีวันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงปัญหาธรรมาภิบาลในการลงทุนของ สปส. ที่เล่นแร่แปรธาตุซื้อตึกมูลค่า 3 พันล้านบาทด้วยราคา 7 พันล้านบาทในปี 2565-2566
ตึกดังกล่าว ไม่ใช่ตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จ แต่เป็นตึกที่ในอดีตช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเป็นตึกร้าง จนกระทั่งมีบริษัทแห่งหนึ่งซื้อตึกไปปรับปรุงซ่อมแซม เมื่อปรับปรุงเสร็จก็ประจวบเหมาะกับช่วงที่ สปส. ปรับแก้ระเบียบต่างๆ ทำการศึกษา และมีการตัดสินใจลงทุนพอดี
ตึกแห่งนี้ในช่วงปลายปี 2565 มีอัตราการเข้าทำกำไรหรืออัตราการเช่าอยู่ที่ 1% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม สปส. ได้เข้าซื้อตึกนี้โดยมีการทำแผนงานที่สวยหรูเกินจริง อ้างถึงผลตอบแทนที่จะได้รับอย่างเหมาะสม
แต่เมื่อเริ่มดำเนินการกลับมีผู้เช่าในปีแรกเพียง 1-2% เท่านั้น ปัจจุบันตัวเลขที่ สปส. รายงานมีคนเข้าใช้ตึกประมาณ 40% แต่เป็นตัวเลขที่น่าสงสัย น่าจะมีการรวมผู้เช่าที่คาดว่าจะเข้ามาใช้ในอนาคตด้วย และตัวเลขจริงอาจต่ำกว่า 40% อยู่ที่เพียง 20-30% เท่านั้น
น.ส.รักชนก กล่าวต่อไปว่า ตึกนี้ทำกำไรในปี 2567 ประมาณ 40 ล้านบาท แต่ค่าบริหารจัดการรวมกับค่าจ้างกองทุนในการบริหารอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท ถ้าทำกิจการด้วยอัตรานี้ต่อไปเท่ากับจะติดลบทุกปี เงิน 7 พันล้านบาทที่ สปส. ทุ่มลงทุนไปจะสูญเปล่า
ตึกแห่งนี้ถูกตั้งเป้าจัดทำประเมินการคาดการณ์ไว้อย่างสวยหรู แต่ตัวเลขที่ปรากฏในปัจจุบันต่ำกว่าเป้าทั้งหมด ทั้งการคาดการณ์ที่บอกว่าภายใน 2 ปีจะมีผู้มาเช่าใช้ 60% แต่ตัวเลขตามรายงานอยู่ที่ 40% และต่อให้มีคนมาเช่าใช้ 100% ก็ต้องใช้เวลา 30 ปีกว่าจะคืนทุน
กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าสำนักงานประกันสังคมในยุคที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล เอกสารทุกอย่างในการศึกษามีความพยายามตีความให้เข้าข้างว่าต้องซื้อ และยังมีคำถามอีกว่าทำไม สปส. ถึงตัดสินใจใช้เงิน 7 พันล้านบาทในการลงทุนตึกแห่งเดียว แทนที่จะมีการกระจายความเสี่ยงไปยังแหล่งอื่นๆ สปส. ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารสินทรัพย์แบบนี้ แล้วทำไมถึงยังลงทุนในตึกแห่งนี้
น.ส.รักชนก กล่าวอีกว่า ตึกแห่งนี้ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งเดิมชื่อ ICE ในช่วงโควิด-19 มีการประเมินมูลค่าของตึกนี้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ทำไม สปส. ถึงยอมจ่ายเงิน 7 พันล้านบาทเพื่อซื้อของในราคา 3 พันล้านบาท
ทั้งที่ทุกล้านบาทที่ สปส. ประหยัดได้และนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 5% ไปอีก 30 ปี จะงอกขึ้นมาเป็นเงิน 4.32 ล้านบาท นี่คือค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นของผู้ประกันตน
ตนอยากให้สื่อมวลชนลองคุ้ยประวัติของตึกนี้ว่ามือแรกและมือถัดๆ มามีชื่อใครเป็นเจ้าของ มีชื่อใครปรากฏอยู่บ้าง มีนักการเมืองพรรคไหนบ้างหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเพราะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ
"ตึกนี้ปรับปรุงเสร็จเมื่อต้นปี 2565 หลังจากพร้อมใช้งานก็พร้อมขายต่อให้ สปส. เลย เป็นการตกแต่งหน้าตาของตึกโดยรู้อยู่แล้วว่า สปส. พร้อมจะซื้อเลยหรือไม่"
นอกจากนี้ตนยังได้ยินข่าวลือมาอีกว่า สปส. พยายามย้ายสำนักงานบางส่วนเข้ามาใช้พื้นที่ในตึกนี้ แต่มันเป็นเพียงการย้ายเงินจากกระเป๋าซ้ายมาเข้ากระเป๋าขวาหรือไม่ หรืออาจจะเป็นการอยากให้ตัวเลขการเช่าใช้ตึกสูงขึ้นหรือไม่
น.ส.รักชนก ยังกล่าวต่อไปว่า จากเรื่องที่ตนได้เปิดมาตั้งแต่มีการแฮ็กงบประมาณ สปส. นอกจากโครงการเว็บแอป 850 ล้านบาทที่ทุกวันนี้ยังไม่เสร็จ ยังไม่มีการปรับ และยังมีพิรุธเต็มไปหมด หรือโครงการต่างๆ ที่เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่าและไม่สอดคล้องกับงานของ สปส. เช่นการทำปฏิทิน
วันนี้สังคมไปไกลหลายเรื่องแล้ว แต่ฝ่ายการเมืองถึงที่สุดกลับยังไม่ออกมาทำอะไรเรื่องนี้ ไม่ตั้งกรรมการสอบ ไม่สืบหาข้อเท็จจริง ตนจึงขอเรียกร้องไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อย่างน้อยที่สุดควรตั้งกรรมการในการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“การลงทุนซื้อตึก 7 พันล้าน ส่วนต่างของมูลค่าจริงกับเงินที่จ่ายไปคือ 4 พันล้าน ดิฉันอยากตั้งคำถามว่าใครได้กำไร ประกันสังคมไม่ได้กำไรแน่นอน แต่ดิฉันเชื่อว่ามีคนกำไรแล้ว นอกจากนี้ในปีที่มีการลงทุนซื้อตึกนี้ก็เป็นช่วงที่ใกล้เลือกตั้งพอดี มีพรรคการเมืองใดมาหากินโดยเอาส่วนต่างของประกันสังคมไปเป็นทุนทรัพย์ในการเลือกตั้งหรือไม่” น.ส.รักชนก กล่าว