สภาเดือด ฝ่ายค้าน-รัฐบาล เกมชิงญัตติ แผ่นดินไหว-เอ็นเตอร์เทนฯ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรช่วงบ่ายวันนี้ (3 เม.ย.) ระหว่างการทำหน้าที่ของนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที หลังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ลักษณะการปกครองท้องที่แล้วเสร็จ 

เมื่อ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งต่อให้ ครม.ดำเนินการ โดยมีผู้รับรองถูกต้องตามระเบียบ

ต่อมา นายอนุสณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระการประชุม โดยเสนอให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ. จำนวน 5 ฉบับ ขึ้นมาพิจารณาในการประชุมครั้งถัดไป โดยให้ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... เป็นวาระแรก 

ตามด้วยร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข (เสนอโดย นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ), ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข (เสนอโดย นายปรีดา บุญเพลิง สส.พรรคกล้าธรรม กับคณะ), ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ... (เสนอโดย นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับคณะ) และ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ... (เสนอโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,723 คน) ซึ่งมีผู้รับรองถูกต้องเช่นกัน
 

การเสนอญัตติขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระทำให้เกิดการโต้แย้งอย่างหนักระหว่าง สส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยฝ่ายค้านยืนกรานให้พิจารณาญัตติด่วนเรื่องแผ่นดินไหวเป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติและมีผู้รับรองก่อนการเสนอขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระของพรรคเพื่อไทย

ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเสนอญัตติในลักษณะนี้ถือเป็นการ "แย่งชิงจังหวะ" และกดดันให้ฝ่ายตนต้องยอม หากไม่ยินยอมจะถูกมองว่าไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่สง่างามและไม่เหมาะสม พร้อมเสนอให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินลำดับการพิจารณาญัตติ เนื่องจากในสภาฯ แห่งนี้ เสียงข้างมากถือเป็นผู้ตัดสิน

ทำให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นตอบโต้ว่า การยึดถือเสียงข้างมากเพียงอย่างเดียวไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม สส.จากพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนพยายามเสนอทางออก โดยให้สภาฯ พิจารณาญัตติขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระก่อน เนื่องจากใช้เวลาไม่นานนัก แล้วจึงพิจารณาญัตติด่วนเรื่องแผ่นดินไหว แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นผล การถกเถียงยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด จนกระทั่ง นายภราดร ต้องสั่งพักการประชุมเป็นเวลาเกือบ 40 นาที

เมื่อกลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสลับขึ้นมาทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งว่า ญัตติทั้งสองที่เสนอมามีความจำเป็นทั้งคู่ และยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณา จึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง โดย นพ.ชลน่าน ชี้แจงว่า ญัตติขอเลื่อนระเบียบวาระนั้นเป็นไปตามข้อบังคับและจะมีผลในการประชุมครั้งถัดไป จึงใช้เวลาพิจารณาไม่มากนัก ประมาณ 10 นาที จากนั้นจะสามารถพิจารณาญัตติของผู้นำฝ่ายค้านซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประชาชนได้

นายวันมูหะมัดนอร์ เสนอทางออกโดยให้ถอนญัตติใดญัตติหนึ่งออกไปก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการลงมติ โดยเสนอให้ถอนญัตติขอเลื่อนระเบียบวาระเพื่อให้พิจารณาญัตติด่วนเรื่องแผ่นดินไหว ก่อนที่จะนำญัตติเลื่อนระเบียบวาระกลับมาเสนอใหม่ภายหลัง แต่ นพ.ชลน่าน แย้งว่า "ต้องมีการลงมติเพื่อตัดสินในเรื่องดังกล่าว"

ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อภิปรายว่า ขณะนี้มีญัตติค้างอยู่ 2 ญัตติ หากมีการลงมติ จะเป็นไปตามข้อบังคับข้อใด และหากมีการเสนอญัตติที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวเพิ่มเติม จะมีการลงมติอย่างไร และจะทำให้ญัตติเดิมตกไปหรือไม่ ดังนั้นจึงขอให้ยึดตามขั้นตอน คือ เมื่อผู้นำฝ่ายค้านเสนอญัตติ ประธานสภาฯ ต้องถามว่ามีผู้เห็นเป็นอื่นหรือไม่ ซึ่งวิธีการในขณะนี้คือให้นายอนุสณ์ ถอนญัตติ เพื่อให้ประธานสภาฯ ดำเนินการตามข้อบังคับ ขณะที่ สส.พรรคประชาชนเสนอให้พิจารณาญัตติเรื่องแผ่นดินไหวก่อน แล้วจึงพิจารณาญัตติเลื่อนระเบียบวาระในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังคงถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ยินยอมถอนญัตติ และยืนยันให้สภาฯ ตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียง ในขณะที่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนให้พิจารณาเรื่องการเลื่อนระเบียบวาระก่อน เนื่องจากใช้เวลาเพียงเล็กน้อย แล้วจึงพิจารณาญัตติด่วนเรื่องแผ่นดินไหว 

กระทั่ง นายวันมูหะมัดนอร์ ชิงวินิจฉัยให้มีการลงมติเพื่อตัดสินทันที แต่ไม่สามารถดำเนินการลงมติได้ เนื่องจาก สส.พรรคประชาชนยังคงประท้วงและพาดพิงการอภิปรายของ สส.พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงประท้วงการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ ต้องลุกขึ้นยืนเพื่อระงับความขัดแย้ง พร้อมกับเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาเข้ามาควบคุมสถานการณ์

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ผมรู้ความประสงค์เป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการลงมติเกิดขึ้น ซึ่งการประชุมสภาฯ ต้องใจเย็นๆ และพูดจากันเพื่อให้การเดินหน้าประชุมทำได้"

ที่สุด ที่ประชุมได้ลงมติเพื่อตัดสิน โดยเสียงข้างมาก 252 เสียง เห็นด้วยกับการเสนอญัตติของ นายอนุสณ์ ขณะที่ 144 เสียง สนับสนุนญัตติของผู้นำฝ่ายค้าน.