จากครูเทศบาลสู่สส.พันล้านอวสานเส้นทาง"เอกราช ช่างเหลา"

18 เมษายน 2568

พลิกปูม เอกราช ช่างเหลา จากครูเทศบาลผู้มีฐานะร่ำรวย สู่สนามการเมืองท้องถิ่น ผงาดเป็นสส.ภูมิใจไทย ชะตาพลิกศาลตัดสินจำคุกโกงเงินครู

เอกราช ช่างเหลา เริ่มต้นชีวิตการทำงานในฐานะครู ก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่แวดวงธุรกิจอย่างเต็มตัว ว่ากันว่าทรัพย์สินของเขาเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าจับตา โดยเฉพาะในช่วงที่เข้าไปมีบทบาทในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของมรสุมชีวิตทางการเมืองในเวลาต่อมา

ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติ เอกราช ช่างเหลา เคยมีบทบาทในการเมืองท้องถิ่นที่ขอนแก่นได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.)นับเป็นบันไดก้าวแรกของการสร้างฐานเสียงและเครือข่ายทางการเมือง

การเลือกตั้งทั่วไป ปี2562 เอกราช ช่างเหลา คว้าเก้าอี้สส. จังหวัดขอนแก่น เขต 4 ภายใต้สังกัดพรรคภูมิใจไทยได้สำเร็จ ด้วยฐานเสียงที่สั่งสมมาและการสนับสนุนจากพรรค ทำให้กลายเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง และเป็นหนึ่งใน สส. ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดคนหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร โดยแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วยตัวเลขหลายพันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเมืองของเอกราช ช่างเหลา กลับถูกปกคลุมไปด้วยข้อครหาและความไม่โปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น มีการกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับการยักยอกทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารสิทธิปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 431 ล้านบาท กลายเป็นจุดด่างพร้อยใหญ่ในชีวิตทางการเมืองและนำไปสู่การตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ที่สุดเมื่อ16 เมษายน 2568 ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำพิพากษาตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี 93 เดือน ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม

แม้จะได้รับการประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ แต่คำพิพากษาส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสถานะทางการเมืองอาจเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
 

เส้นทางการเมืองของ เอกราช ช่างเหลา จากครูสู่สส.พันล้าน จบลงด้วยรอยด่างพร้อยของคดีโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมืองแต่ส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อระบบการเมืองโดยรวม 

เรื่องราวของเอกราช ช่างเหล่า เป็นอุทาหรณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงผลของการแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนรวมตอกย้ำถึงความสำคัญการตรวจสอบนักการเมืองอย่างเข้มข้น

การเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคภูมิใจไทยเอกราช ช่างเหลา ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.). (ข้อมูล ณ ปี 2565) ระบุว่ามีทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 535 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 371.85 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท หนึ่งนคร จำกัด ที่ทำธุรกิจหมู่บ้านจัดสรร

ประวัติส่วนตัวของนายเอกราช

เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2501 ที่จังหวัดขอนแก่น สมรสกับนางสุวิภา ช่างเหลา มีบุตร 2 คน คือ นายวัฒนา ช่างเหลา และนายพิทักษ์ชน ช่างเหลา

ประวัติการศึกษา

ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต (การบริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย

ประวัติการทำงาน

เคยเป็นครูในสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น
ทำงานในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น
ประกอบธุรกิจหมู่บ้านจัดสรร ภายใต้ชื่อบริษัท หนึ่งนคร จำกัด

ประสบการณ์ทางการเมือง

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 4 จังหวัดขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย (พ.ศ. 2566 - ปัจจุบัน)
เคยเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัคร สส. พรรคพลังประชารัฐ ภาคอีสานตอนกลาง ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562
เคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พ.ศ. 2557
เคยอยู่เบื้องหลังผู้สมัคร สส. ขอนแก่น พรรคเพื่อแผ่นดิน (พ.ศ. 2550) และพรรคภูมิใจไทย (พ.ศ. 2554)

นายเอกราช เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่ให้การสนับสนุนทีมฟุตบอล "ขอนแก่น ยูไนเต็ด" โดยเคยซื้อทีม "ปากช่อง ยูไนเต็ด" เปลี่ยนชื่อเป็น "ขอนแก่น ยูไนเต็ด" และมอบหมายให้นายวัฒนา ช่างเหลา (บุตรชาย) เป็นประธานสโมสร
 
ปี2567 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิด นายเอกราชกรณีฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จากเหตุการณ์ทุจริตยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กระทั่งศาลมีคำพิพากษา.

Thailand Web Stat