เขมรไม่หยุด!เปิดฉากยิงใส่ไทยอีก
เขมรไม่ยอมหยุดยิงจรวดใส่ ด้านไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ ขณะที่สถานการณ์ปะทะยังเดือดเสียงปืนสนั่นตลอดแนวชายแดนเขาพระวิหาร กองทัพลั่นจะไม่หยุดตอบโต้จนกว่าเขมรจะหยุดยิงก่อน
เขมรไม่ยอมหยุดยิงจรวดใส่ ด้านไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ ขณะที่สถานการณ์ปะทะยังเดือดเสียงปืนสนั่นตลอดแนวชายแดนเขาพระวิหาร กองทัพลั่นจะไม่หยุดตอบโต้จนกว่าเขมรจะหยุดยิงก่อน
เมื่อเวลา 22.00 น. ได้มีคำสั่งจากทางการไทยให้อพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จุดผ่านถาวรแดนช่องจอม - โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์แล้ว หลังจากพบว่า ทหารกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังเข้ามาประชิดในฝั่งโอร์เสม็ด
ทั้งนี้กองกำลังสุรนารี และเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองทัพภาคที่ 2 ได้มีคำสั่งด่วนจากผู้บังคับบัญชาหน่วย ให้มีการเตรียมปฏิบัติหน้าที่พร้อมรบในคืนนี้ 100 % ตลอดแนวชายแดนแล้ว เพราะมีแนวโน้มสถานการณ์อาจบานปลายมาถึงชายแดนจังหวัดสุริทร์ หากกัมพูชาเปิดฉากรุนแรงขึ้นมาก่อน พร้อมให้กำลังพลทุกนายควบคุมอารมณ์ หากทหารกัมพูชามีการยิงปืนขึ้นฟ้า ยั่วยุ และเพื่อลดเหตุการณ์ปะทะรุนแรงตามมา จะมีการเสียเปรียบและตกหลุมพรางกัมพูชาได้
นอกจากนี้เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 ได้มีคำสั่งด่วนให้ปิดด่านช่องจอมชั่วคราวในเวลา 19.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดก่อนกำหนดจากปกติที่จะปิดเวลา 20.00 น.
ขณะที่ นายพัฒนา ชื่นยงค์ ผู้จัดการตลาดการค้าชายแดนช่องจอม เตรียมประชุมและประเมินสถานการณ์ ว่า จะผลักดันพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชากลับไปยังประเทศทั้งหมด จนกว่าสถานการณ์จะนิ่ง และกลับสู่ภาวะปกติหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้ (6ก.พ.) ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ ว่า จะบานปลายมาถึงชายแดนจังหวัดสุรินทร์หรือไม่
เสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่องทหารเจ็บ16นาย
สถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ รอบใหม่ ได้ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยมีการปะทะตลอดแนวชายแดนเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ตั้งแต่บ้านทิศเหนือเขาพระวิหาร ต.ภูมิซรอล ไปจนถึง ภูมะเขือ ตรงข้าม ต.รุง อ.กันทรลักษ์ โดยทั้งสองฝ่ายได้ยิงตอบโต้กันด้วยปืนใหญ่และจรวด อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะดังกล่าวแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลกันทรลักษ์มีจำนวน 18 ราย เป็นทหาร 16 นาย และชาวบ้านไทย 2 ราย
ทั้งนี้สถานการณ์สู้รบยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมองเห็นลูกไฟจาก จรวด และกระสุนปืนใหญ่ ที่ฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามายังฝั่งไทยเป็นระยะ โดยมีรายงานกัมพูชาได้ใช้จรวดชนิดหลายลำกล้องยิงเข้ามายังฝั่งไทย ขณะที่ฝ่ายไทยได้ยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่
ผอ.โรงเรียนภูมิซรอลชี้เขมรยิงใส่พื้นที่พลเรือน
ด้าน นายบุญรวม พงษาปาน ผอ.โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมามีการยิงกระสุนจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาฝั่งไทยจำนวนมาก โดยหากนับแล้วยิงเฉลี่ยมากถึงนาทีละ 50 ลูกเลยทีเดียว
"ผมเชื่อว่าขณะนี้ไม่น่าจะเป็นการเข้าใจผิดและน่าจะเป็นสงครามแล้ว เนื่องจากทางฝั่งกัมพูชาจงใจยิงอาวุธลงในพื้นที่ซึ่งเป็นเขตของพลเรือน มิใช่เขตทหาร"นายบุญรวมกล่าว
ทบ.ระบุเขมรเริ่มก่อน-ลั่นไทยจะยิงตอบโต้จนกว่าเขมรจะหยุด
เมื่อเวลา 20.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์สถานีเนชั่นทีวีว่า ขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้รับทราบสถานการณ์ปะทะรอบใหม่บริเวณชายแดนแล้ว โดยขณะนี้ไทยจะยังคงใช้การตอบโต้ทางบกเท่านั้น และยังไม่มีการตอบโต้ทางอากาศ
การปะทะในวันนี้ (6ก.พ.) รุนแรงกว่าเมื่อวันที่ 4 และ 5 ก.พ. โดยครั้งนี้กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ฉะนั้นไทยยืนยันที่จะยิงตอบโต้จนกว่ากัมพูชาจะเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อน
"การตอบโต้ของไทยเป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบ และไม่ทำให้กัมพูชานำไปอ้างได้ว่า ไทยรังแกผู้ที่อ่อนด้อยกว่า โดยการตอบโต้ของไทยจะมุ่งเป้าไปในพพื้นที่ที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น"พ.อ.สรรเสริญกล่าว
ทั้งนี้ทางกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงกระสุนส่องสว่างและยิงกระสุนปืนยาวก่อน ทางไทยจึงมีการตอบโต้ และบานปลายจนปัจจุบันเขมรใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ชนิด ดีเอ็ม 21 ยิงเข้ามา โดยไทยได้ตอบโต้ด้วยกระสุนปืนใหญ่ไปควบคู่กับการเจรจา
ชาวบ้านผวาเร่งอพยพออกจากพื้นที่
ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ทยอย อพยพออกจากพื้นที่ ส่งผลให้การจราจรในเส้นทางขาออกจาก อ.กันทรลักษ์ติดขัดอย่างหนัก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไปยังทุกหมู่บ้านในพื้นที่ที่มีการปะทะให้ดับไฟเพื่อป้องกันการตกเป็นเป้าโจมตี
เขมรไม่เลิกเปิดฉากยิงจรวดใส่ไทย
เมื่อเวลา 18.30 น. ได้เกิดเหตุปะทะขึ้นอีกบริเวณชายแดนในพื้นที่ ภูมะเขือ และ บ้านโดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทหารกัมพูชาได้ใช้จรวดยิงเข้ามาในฝั่งไทย ส่งผลให้บ้านพักของประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย ขณะที่ทหารไทยได้ใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้ โดยการปะทะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ทหารไทย-กัมพูชาปะทะอีกในพื้นที่ ต.ภูผาหมอก
เมื่อเวลา 14.00น. ได้เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ในพื้นที่ชายแดน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทหารทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธปืนขนาดเล็กซึ่งเป็นปืนประจำกายยิงตอบโต้กันเป็นเวลากว่า 15 นาที จึงสงบลง โดยไม่พบว่ามีทหารไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ทั้งนี้พื้นที่ชายแดนบริเวณ ต.ภูผาหมอก ซึ่งอยู่ด้านทิศใต้ของปราสาทพระวิหารนั้นอยู่ตรงข้ามกับ เขตซัม แต ของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาได้นำรถถังเข้ามาประจำการ
ด้านเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวลงหลุมหลบภัยเป็นการด่วนเนื่องจากเกรงว่า จะมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้ามา
ขณะที่เหตุการณ์ปะทะดังกล่าวได้ทำให้ คณะปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกศ ที่กำลังตรวจเยี่ยมโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต้องเร่งออกมาจากพื้นที่อย่างอลหม่าน
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก (ทบ.) เปิดเผยกรณีมีรายงานว่า เกิดการยิงปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาอีกรอบบริเวณ บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษว่า จากการตรวจสอบกับกองกำลังสุรนารีที่ดูแลในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่มีเหตุดังกล่าว ส่วนจะเกิดเสียงปืนดังขึ้นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่หากเป็นการยิงปืนก็อาจเกิดจากเหตุเรื่องอื่นมากกว่า
"จากการเจรจากันวานนี้ (5ก.พ.) ก็มีมติร่วมกันแล้วว่าจะไม่มีการยิงหรือปะทะกัน ซึ่งทหารไทยและกัมพูชาต่างก็รักษาอธิปไตยของตนเอง"โฆษกกองทัพบก กล่าว
สั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดน20แห่ง 3 วัน
ด้าน นายวรรณะ บุญสุข ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่า ได้สั่งปิด โรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 จำนวน ที่ตั้งอยู่ในเสี่ยงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งสิ้น 20 แห่ง เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7 - 9 ก.พ. นี้เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน
ขณะที่ความเสียหายของโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายทหารกัมพูชายิงเข้าใส่เมื่อวันที่ 4 ก.พ. พบว่า มีอาคารเรียนขนาด 3 ชั้น ถูกลูกกระสุนใหญ่หลังคาอาคารระเบิดพังยุบลงมา เสียหายจำนวน 4 ห้องเรียน อาคารชั่วคราวของโรงเรียนพังเสียหายอีก 6 ห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ เสียหาย รวมกว่า 400 ชุด รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ และ เครื่องรับโทรทัศน์ ขณะอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายอีกครั้ง
ทั้งนี้ทางโรงเรียนคาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์จะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ โดยห้องเรียนที่ได้รับความเสียหาย จะแก้ปัญหาเฉพะหน้าด้วยการใช้ห้องเรียนชั่วคราว เช่น หอประชุม ใต้ถุนอาคาร และกางเต็นท์ เพิ่มเติม พร้อมยืมอุปกรณ์การเรียนการสอนจากโรงเรียนข้างเคียง มาให้นักเรียนได้เรียนหนังสือเป็นการชั่วคราว