posttoday

‘พิธา’ แจงลาออกหัวหน้าพรรค ปัดก้าวไกลจับปลาสองมือ

16 กันยายน 2566

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล แจงลาออกหัวหน้าพรรคเปิดทางสภาหาผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมปัด มีเล่ห์เหลี่ยม ก้าวไกลจับปลาสองมือ “ผู้นำฝ่ายค้าน-รองประธานสภา”

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ออกมาวิเคราะห์ว่าเกมของพรรคก้าวไกล เหมือนเซียนเหยียบเมฆ ว่า ไม่ได้เป็นเกมการเมืองแต่อย่างใด แต่ตนเองไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่สส.และผู้นำฝ่ายค้านได้ ไม่ได้ยึดติดกับตัวเอง ถ้าบริบทการเมืองเป็นขนาดนี้ ก็ต้องมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง การที่ฝ่ายค้านจะเข้มแข็งได้ก็ต้องมีผู้นำก่อน จึงต้องเอาส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว ตนจึงต้องลาออก และที่ลาออกเมื่อวานนี้ก็เพราะว่าในวันที่ 23 กันยายนนี้จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ถ้าลาออกช้าจะทำให้เตรียมกระบวนการไม่ทัน เพื่อที่จะหาสส. คนที่ยังอยู่ในสภาปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ เพื่อความเข้มแข็งของฝ่ายค้านในเชิงมหภาคและจุลภาค เพื่อให้ระบบเดินหน้าต่อได้

ส่วนกรณีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมีความสำคัญกับพรรคก้าวไกลอย่างไร ในเมื่อพรรคก้าวไกลก็ได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งไปแล้ว นายพิธากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เกี่ยวกับระบบจุลภาคและมหภาค เพราะถ้าบริบทการเมืองเป็นแบบนี้รัฐบาลข้ามขั้วแบบนี้  ถ้าฝ่ายค้านยังอ่อนแออยู่เกรงว่าจะเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ต้องคอยตรวจสอบรัฐบาลแทน เพราะฉะนั้นฝ่ายค้านจึงมีความสำคัญ ไม่ได้สำคัญกับก้าวไกลหรือตนเอง ระบบรัฐสภาทั้งหมดล้วนมีความสำคัญ 

สำหรับกรณีที่นายสมชาย แสวงการ (สว.) ออกมาโพสต์เฟสบุ๊คว่า จะเป็นการจับปลาสองมือหรือไม่ ทั้งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภา มองว่าอยากได้ตำแหน่งหรือแค่อยากมีอำนาจ นายพิธากล่าวว่า ต้องแบ่งเป็นสามประเด็น 1.ยังไม่ได้เห็นโพสต์ดังกล่าว

2.เป็นความคิดของคนหมู่มากหรือเป็นความคิดของนายสมชายเอง 

3.ไม่ได้เป็นเกมการเมืองหรือจับปลาสองมือแต่อย่างใด  ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง เพราะเห็นส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ที่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลเพราะอยากเปิดทางให้สภามีผู้นำฝ่ายค้าน

ส่วนที่มีคนมองว่าก้าวไกลจะเอาทั้งสองตำแหน่ง ว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจ ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดก่อน นายพิธาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นกฎกติกาที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ซึ่งเราตัดสินใจจากกฎกติกาที่มีอยู่ตามมาตรา 106 ที่ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคไป ขออย่าพึ่งอนุมานกันไปไกลต้องรอฟังเหตุผลและความจำเป็น ในเมื่อสภาวะเป็นแบบนี้ ก็เลือกที่จะบริหารจัดการแบบนี้ อย่างตรงไปตรงมาต่อพี่น้องประชาชน

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จะย้ายไปอยู่พรรคเป็นธรรม และพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการฝากเลี้ยงไว้กับพรรคเป็นธรรม นายพิธากล่าวว่า ยืนยันตามที่นายปดิพัทธ์ได้แถลงเมื่อวาน เพราะมีงานหลายเรื่องเกี่ยวกับรัฐสภา เช่นสิ่งแวดล้อมความโปร่งใส เทคโนโลยี ที่ยังทำค้างอยู่ประกอบกับจะมีการปรึกษากับทางพรรค จึงต้องรอกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ นายปดิพัทธ์จึงจะตัดสินใจร่วมกับกก.บห.ชุดใหม่ แต่ส่วนตัวนายปดิพัทธ์ไม่ได้มีมาปรึกษา

เมื่อถามว่าไปขึ้นเวทีเสวนาร่วมกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้มีพูดคุยส่วนตัวอะไรหรือไม่ นายพิธาระบุว่า ข้างหน้าอย่างไรลับหลังก็อย่างนั้น พร้อมยินดีกับรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ตั้งได้ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบ สนับสนุนในสิ่งที่ควรจะสนับสนุน ตรวจสอบอย่างเข้มข้นในสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง เช่นงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมา โดยไม่ได้ตรงกับการแถลงนโยบายในสภา พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกอย่างเป็นเรื่องของหลักการหน้าที่ ความเป็นมืออาชีพในการทำงาน