"บิ๊กโจ๊ก"ดิ้นตีตั๋วกลับกลับสตช. ภาระบนบ่าของนายกฯเศรษฐา
สังคมจับตาผลประชุมก.ตร. นายกฯเศรษฐานั่งหัวโต๊ะ บ่าย26มิ.ย.67 เคาะปมคำสั่ง"ให้ออกราชการไว้ก่อน"ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กับกรณี2หนทาง กลับสตช.ของ"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ยังเดินหน้าใช้สิทธิขอความเป็นธรรมต่อเนื่อง
การดิ้นรนเพื่อพาตัวเองกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รั้งตำแหน่ง รองผบ.ตร. ของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ขณะนี้มีความเป็นไปได้ใน2แนวทาง
ทางแรกให้"บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ซึ่งนายกฯเพิ่งมีคำสั่งให้กลับไปนั่งในตำแหน่งเต็มเก้าอี้ลงนามในคำสั่ง ทางที่สอง ใช้"มติก.ตร."ให้กลับไปนั่งในตำแหน่งรองผบ.ตร.แต่ก็ต้องรอผลชี้ขาดของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ตามที่เจ้าตัวได้ยื่นอุทธณ์คำสั่ง ให้ออกจากราชการโดยมิชอบ เสียก่อน
ว่ากันว่า ผู้แบกภาระอันหนักบนบ่าครั้งนี้ ก็คือ นายกฯเศรษฐา
การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) 26มิ.ย.67 ที่มีนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานก.ตร.จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงขององค์กรตำรวจ จะเลือกหนทางใดในการยุติศึกภายในนี้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
การประชุม ก.ตร. ครั้งนี้ มีวาระหลักคือการพิจารณาเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ กรณี ตร. มีคำสั่งที่ 178 /2567 ลง 18 เม.ย.67 ให้"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน และในวาระรอง พิจารณาผลสรุปการสอบสวนของอนุฯ เรื่องให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่
หากอนุก.ตร.ซึ่งดำเนินการทางวินัยที่มีพล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานมีมติว่า คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ"บิ๊กต่าย"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผบ.ตร.ผู้ออกคำสั่งในช่วงเวลานั้นชอบด้วยกฎหมาย
หาก ก.ตร.ชุดใหญ่ที่มีนายกฯเศรษฐาเห็นด้วยเท่ากับคำสั่งให้ออกจากราชการมีผล แต่หากก.ตร.ชุดใหญ่เห็นว่าคำสั่งให้ออกจากราชไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจจะให้ "บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
นอกจากนี้ ยังมีจุดชี้ขาดการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หากผลออกมาสอดคล้องในทิศทางเดียวกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ชุดที่2 ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองามเป็นประธานด้วยมติ10ต่อ0 ว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทำผิดขั้นตอน หรือเป็นคำสั่งมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้อีกต้องรับ"บิ๊กโจ๊ก"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรองผบ.ตร.ทันที
เดิมพันเกมอำนาจในองค์กรตำรวจจนถึงเวลานี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่ "บิ๊กต่อ"กับ "บิ๊กโจ๊ก"แต่ยังเกี่ยวพันถึง นายกฯเศรษฐาด้วย ซึ่งก่อนประชุมก.ตร. 26มิ.ย.67"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังเคลื่อนไหวให้ได้กลับไปสตช.ด้วยการยื่นคำร้องต่อป.ป.ช. กล่าวหา "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบ และเตรียมจะฟ้อง "บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หากไม่ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งออกให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ"บิ๊กต่ายพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รวมถึงนายกฯเศรษฐา ผู้ซึ่งมอบหมายให้นายวิษณุ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายกฯหาทางลงศึกนี้ ตั้งแต่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน
"สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรใหญ่ จะปรองดองหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯ ซึ่งนายกฯ จะต้องเดินหน้า ปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ลอยตัว ถ้านายกฯ ไม่ตัดสินใจ องค์กรก็จะอยู่ไปแบบนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้นำ"
"นายกฯ จะต้องทำหน้าที่ ถ้าท่านไม่ลอยตัวและตัดสินใจทุกอย่างก็จะไม่เกิด ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับผู้นำ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีรัฐมนตรีประจำกระทรวง ฉะนั้นนายกฯ ก็เปรียบเหมือนรัฐมนตรีประจำกระทรวง เมื่อมีปัญหาจะต้องลงมาแก้ไข"
สองวรรคประโยคทิ้งท้ายของ"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ส่งถึง นายกฯเศรษฐา ในฐานะประธานก.ตร. เพียงพอที่จะทำให้สังคมจับตาศึกนี้อย่าได้กระพริบ.