ย้อนคำให้สัมภาษณ์"พล.อ.พิศาล"ต่อกรณีตากใบก่อนหายตัวเข้ากลีบเมฆ
จนถึง ณ เวลานี้ ไม่มีใครรู้ อดีตแม่ทัพภาค4 และสส.บัญชีรายชื่อ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีตากใบ อยู่แห่งหนใด ย้อนคำให้สัมภาษณ์ 8ปีให้หลังเหตุการณ์ผมเสียใจในสิ่งที่เกิดแต่ไม่ได้สั่งให้ทหารฆ่าประชาชน
กรณีศาลนราธิวาสออกหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และสส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในคดีตากใบ หลังทนายความฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ออกหมายจับเนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าจะหลบหนีไม่มาศาลตามกำหนดนัด ซึ่งคดีนี้มีกำหนดอายุความครบ20ปี วันที่ 25ตุลาคม 2567
พลเอกพิศาล เป็นจำเลย1ใน9คน ที่โจทก์รวม48คนซึ่งเป็นผู้เสียหายยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อ25ตุลาคม 2547 ได้สั่งให้เลิกการชุมนุม ประกาศกฎอัยการศึก ควบคุมสถานการณ์ จนเกิดความวุ่นวาย สลายการชุมนุมจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงขึ้นรถบรรทุก 25 คัน นำตัวไปค่ายอิงคยุทธบริหารแต่ผู้ที่ถูกจับกุมเสียชีวิตรวม 84 ราย
จนถึง ณ เวลานี้ ยังไม่มีผู้ใดทราบว่า พล.อ.พิศาลอยู่ที่แห่งหนใด แม้ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาแจ้งเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.-30 ต.ค.67 โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้ราษฎรลงนามอนุมัติในหนังสือลา
ก่อนหน้านี้ เคยมีบทให้สัมภาษณ์ของพล.อ.พิศาล ผ่านรายงานพิเศษของสำนักข่าวอิศรา โดยมีข้อความบางส่วนถูกถ่ายทอดลงคอลัมน์ “จุดเปลี่ยน” นสพ.มติชนรายวัน เมื่อ26 ก.พ.2555 บรรทัดต่อไปนี้ จึงเป็นคำต่อคำของพล.อ.พิศาลในช่วงเวลานั้น ที่ยังรู้สึกว่า เหตุการณ์หน้า สภ.ตากใบ จ.ปัตตานี เมื่อ25 ต.ค.2547 เป็น“แผลในใจ”ที่ยังติดค้างและอยากอธิบายให้สาธารณชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงอีกด้าน
"ผมเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนะ แต่ยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้ทหารฆ่าประชาชน เพราะเราทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว แล้วในวันนั้น ทั้งโต๊ะครู โต๊ะอิหม่าม กรรมการอิสลามจังหวัด ฯลฯ ก็อยู่กับผมทั้งหมด ผมจำได้ หลังผมไปออกรายการ ผมยกมือไว้ขอโทษพี่น้องมุสลิม เพราะเราไม่อยากให้เกิดแบบนั้น"
"ผมคนเดียว ผมยอมได้ คดีในศาลตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา ผมก็ต่อสู้โดยลำพัง ผมไม่ว่า แต่กลับทำให้เราซาบซึ้งเป็นที่สุด แม้ฝ่ายรัฐจะปล่อยเราไว้ลำพัง แต่คนที่ช่วยเรากลับเป็นพี่น้องในพื้นที่ ทั้งพยานบุคคลอะไรต่างๆ อิหม่าม โต๊ะครู พ่อแม่ผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะสื่อในพื้นที่ที่ถ่ายภาพการลำเลียงชาวบ้านทับกันไปลงข่าว ทุกคนช่วยผม ไม่เช่นนั้นผมติดคุกไปแล้ว"
"ที่จริงเรื่องตากใบ ลูกหลานหลายคนก็เคยมานอนที่บ้านผม ผมเสียใจ ผมไม่ได้ทิ้งเหตุการณ์ ต้องอย่าลืมว่าช่วงนั้นมีการประทับอยู่ใกล้พื้นที่นั้นเรามีหน้าที่ถวายอารักขา เราจะไปสั่งฆ่าได้ยังไง ในเมื่อเป็นลูกหลานเราทั้งนั้น หลายคนเคยไปกินไปนอนกับผม และผมเสียใจตรงนี้ ไม่ได้มาเรียกร้องอะไร
"ไม่มีใครอยากให้ใครตาย ผมออกมาอนาคตหมดเลย เหลืออีก 8 ปีจะเกษียณ ไม่เหลืออนาคตอะไรเลย ไม่ได้ฝันอะไรมากมายไปกว่านี้ เป็นร้อยตรีมีเท่าไหร่ เกษียณมาก็อยู่เท่านั้น ที่อยู่ทุกวันนี้จะร้อยตรี หรือพลเอกก็เหมือนกัน ไม่ได้ยึดติดตรงนั้นเลย"
ที่มา : สำนักอิศรา ร้าวสุดใจ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” กับ 8 ปี ตากใบ