posttoday

พริษฐ์ โต้ ทักษิณ "พูดเก่ง แต่ทำไม่เป็น" ควรใช้กับรัฐบาล

24 ธันวาคม 2567

พริษฐ์ โต้ ทักษิณ หลัง พรรคประชาชน ถูกกล่าวหา "พูดเก่ง แต่ทำไม่เป็น" ลั่นควรใช้กับรัฐบาลมากกว่า หลายนโยบายที่ทำไม่ได้จริงตามที่พูด

24 ธ.ค.2567 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นปราศรัยบนเวทีพรรคเพื่อไทย และได้กล่าวถ้อยคำพาดพิงถึงพรรคประชาชน โดยระบุว่า ตนได้ฟังคุณทักษิณปราศรัยบนเวทีที่เชียงใหม่กล่าวหาว่าพรรคประชาชนเป็นพรรคที่ “พูดเก่ง” แต่ “ทำไม่เป็น” และก็ได้แต่สงสัยว่าคุณทักษิณได้ตั้งข้อสังเกตเดียวกันนี้กับรัฐบาลของคุณเศรษฐาและคุณแพทองธารหรือไม่ โดยขอยกให้เห็น 3 ตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา

 

1.ค่าแรง

สิ่งที่พูด : ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทุกอาชีพ ทั่วประเทศ เริ่ม 1 ตุลาคม 2567 โดยจะประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ยังไม่พร้อม ให้พร้อมภายในกรอบเวลาดังกล่าว (พูดไว้เมื่อ 2 พ.ค. 67)

 

สิ่งที่ทำ : ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 337-400 บาทต่อวัน โดยจะขึ้นเป็น 400 บาทต่อวันเฉพาะ 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ เริ่ม 1 มกราคม 2568 (ตามมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการค่าจ้างในวันที่ 23 ธ.ค. 67) ( shorturl.at/rohCR )

2.ค่าไฟ 

สิ่งที่พูด : นายกฯ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยดูเรื่องราคาพลังงานและค่าไฟ เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและเป็นต้นทุนในหลายด้านของครัวเรือน (พูดในที่ประชุม กพช. ในวันที่ 26 พ.ย. 67)

 

 

สิ่งที่ทำ : นายกฯ ปล่อยปละละเลย ไม่ขอมติจากที่ประชุม กพช. เพื่อเป็นแนวทางให้ กกพ. ระงับการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 MW (ที่มีปัญหาเรื่องการกีดกันการแข่งขัน ความไม่โปร่งใสของหลักเกณฑ์ และความซ้ำซ้อนกับนโยบาย Direct PPA) ทั้งๆที่การปล่อยให้สัญญาดังกล่าวเดินหน้าต่อไป จะทำให้ค่าไฟประชาชนแพงกว่าที่ควรจะเป็น (ถ้าจะอ้างว่านายกเป็นประธาน กพช. ที่มีแค่ 1 เสียงใน กพช. ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะประมาณ 2 ใน 3 ของคณะกรรมการคือรัฐมนตรีใน ครม. / หากจะบอกว่านายกฯไม่มีอำนาจกำหนดทิศทางของ กพช. ก็เทียบเท่ากับการบอกว่านายกฯไม่มีอำนาจกำหนดทิศทางของ ครม.) ( รายละเอียดปัญหา สรุปโดย สส.วรภพ: shorturl.at/6AmT2 )

3. การปฏิรูปกองทัพ 

สิ่งที่พูด : เพจพรรคเพื่อไทยประชาสัมพันธ์ว่าได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ. กลาโหม สู่สภาฯ (เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 67) ( shorturl.at/BFEZp ) หลังจากที่เคยประกาศในเพจพรรคไปแล้วในวันครบรอบ 10 ปีรัฐประหาร (22 พ.ค. 67) ว่า “วันนี้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ รื้อผลพวงรัฐประหาร [และ] แก้กฎหมายกลาโหม ป้องกันรัฐประหาร-ฉีกรัฐธรรมนูญ” ( shorturl.at/q6YxO )

 

 

สิ่งที่ทำ : สส.พรรคเพื่อไทย ขอถอนร่าง พ.ร.บ. กลาโหม ออกมาแก้ไข โดยรองนายกฯภูมิธรรม (จากพรรคเพื่อไทย) ให้สัมภาษณ์ว่าร่างดังกล่าว “ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย” (ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 67) ทั้งๆที่เสียงสนับสนุนของ สส. พรรคเพื่อไทย และ สส. พรรคประชาชน มีเพียงพอต่อการทำให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายดังกล่าว (ถ้าจะอ้างว่าร่างดังกล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว. ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะ สว. ไม่ได้มีอำนาจปัดตกร่างกฎหมายของ สส. โดยทำได้มากที่สุดคือการคัดค้านจนนำไปสู่การยับยั้งไว้ 180 วัน) 

 

 

รัฐบาลพรรคประชาชนจะทำนโยบายให้สำเร็จได้จริงตามที่พูดหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันในอนาคต แต่ 1 ปี 3 เดือนที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้ว ว่าหลายอย่างที่รัฐบาลชุดนี้ได้พูดไว้ ยังทำให้เป็นจริงไม่ได้

 

 

ป.ล. อย่าให้เหตุผลว่านายกฯและพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลผสม เพราะทั้ง 3 ตัวอย่างที่ผมยกมานี้ ล้วนเป็นคำสัญญาที่นายกฯและพรรคเพื่อไทยได้ให้ไว้กับประชาชน หลัง จากที่ได้ตั้งรัฐบาลผสมเข้ามาทำงานแล้ว และได้ทราบถึงข้อจำกัดดังกล่าวแล้ว